ความสำคัญของการตั้งชื่อร้านค้า
ก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจสักอย่างหนึ่ง เรามักจะคิดถึงเรื่องต้นทุนการผลิต การตลาด กลุ่มลูกค้า หรือเรื่องทำเลที่ตั้งเป็นอันดับต้นๆ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการตั้งชื่อร้านค้าหรือชื่อแบรนด์ ซึ่งฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใช้เวลาสั้นๆ แต่ถ้าหากลองคิดวิเคราะห์ให้ลึกลงไปจะพบว่าหลายๆ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักเริ่มต้นด้วยกับการมีชื่อร้านหรือชื่อแบรนด์ที่ดีและมีความหมายแฝงอยู่ในนั้นเสมอ
การตั้งชื่อร้านค้าที่ดีส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร
- ชื่อร้านค้าที่ดีมักจะเป็นชื่อที่ กระชับและจำง่าย ทำให้ลูกค้าสามารถจดจำและนึกถึงได้ทันทีเมื่อมีความต้องการ
- ลองคิดดูว่าหากร้านค้าร้านหนึ่งลงทุกตกแต่ง ออกแบบ อย่างสวยงาม แต่ชื่อร้านดันเป็นชื่อที่แย่ไม่มีใครจดจำ มันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของร้านทันที
- หากธุรกิจเรามีชื่อร้านที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนและเป็นกลยุทธืหนึ่งในการเข้าถึงลูกค้าจนนำมาสู่ยอดขาย
- ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การมีชื่อร้านที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์สามารถช่วยให้ธุรกิจของเราสร้างความแตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่ง
ความประทับใจแรกที่ลูกค้ารับรู้จากชื่อร้าน
- First Impression หรือความประทับใจแรกจากการรับรู้ ทั้งมองเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งหากเราประยุกต์เข้ากับการทำธุรกิจเจ้าของธุรกิจยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ First Impression
- จากที่กล่าวไปหน้าว่าชื่อร้านค้าที่ดีนั้นจะสร้างการจดจำให้ลูกค้า และยังมีส่วนในการสร้างอารมณ์อีกด้วย ซึ่งอารมณ์ที่ธุรกิจอยากให้ลูกค้ามีที่สุด ก็คือ อารมณ์อยากบริโภคหรืออยากใช้บริการ
- ยกตัวอย่างร้านขาย “ก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ด” คำว่า รสเด็ด นั้นสื่อถึงความอร่อย น่ารับประทาน
- “ร้านกาแฟสูตรโบราณ” ชื่อร้านบ่งบอกถึงความเป็นต้นตำหรับ
ผลกระทบของชื่อร้านต่อการจดจำแบรนด์
- จะเป็นอย่างไรหากธุรกิจหนึ่งไม่มีความสอดคล้องหรือไปด้วยกันกับชื่อธุรกิจเลย เช่น
- ธุรกิจที่เกี่ยวกับสถาบันกวดวิชาและการศึกษากับตั้งชื่อว่า “เกรียนซ่า มหาภัย school” เชื่อว่าคงจะมีคนจำได้ไม่น้อยแต่คงไม่มีใครกล้าจะใช้บริการมากนัก
- ดังนั้นชื่อของธุรกิจสามารถสะท้อนถึงค่านิยม วิสัยทัศน์ และความน่าเชื่อถือของธุรกิจได้อีกด้วย ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในคุณภาพสินค้าและบริการ
- ชื่อร้านสามารถสื่อสารถึงคุณค่าและจุดเด่นของแบรนด์ได้ การตั้งชื่อที่ดีจะสะท้อนถึงจุดขายหลักหรือคุณค่าที่แบรนด์ต้องการนำเสนอ
หลักการตั้งชื่อร้านค้าที่ดี
การตั้งชื่อร้านค้าหรือธุรกิจหนึ่งอย่างนั้น มีหลักปัจจัยที่เจ้าของธุรกิจควรจะต้องทราบอยู่ไม่มากนัก ซึ่งหลักแต่ละข้อล้วนเป็นเรื่องที่ดี มีประโยชน์ต่อธุรกิจทั้งสิ้น แต่ธุรกิจจะมีหลักการตั้งชื่อครบตามนี้หรือไม่นั้น ไม่มีคำตอบผิดหรือถูกแบบตายตัว
ชื่อร้านที่สั้นและจำง่าย
- ชื่อที่สั้นและอ่านง่ายจะทำให้ลูกค้าจดจำได้ง่ายขึ้น ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะนึกถึงร้านค้าของเราเป็นอันดับแรก
- ชื่อที่สั้นทำให้การโปรโมทร้านเป็นเรื่องง่ายกว่าชื่อที่ยาว ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ การออกแบบโลโก้ ลองคิดดูหากร้านมีชื่อยาว 7-8 คำ คนออกแบบโลโก้หรือสโลแกนคงปวดหัวไม่น้อย
- ตัวอย่างชื่อร้านที่สั้นและจำง่าย
- Starbucks: ชื่อร้านกาแฟชื่อดังที่สั้น กระชับ และจดจำได้ง่าย
- Zara: ชื่อแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น สื่อถึงความหรูหราและมีสไตล์
- Lush: ชื่อแบรนด์เครื่องสำอาง สื่อถึงความสดชื่นและคุณภาพ
การใช้คำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ
- การตั้งชื่อร้านที่ใช้คำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการเป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้ลูกค้ารู้ทันทีว่าร้านค้าของเราขายหรือบริการอะไร เพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้าและบริการนั้นๆ
- ลูกค้าจะรู้สึกว่าร้านนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ หากชื่อร้านตรงกับสินค้าและบริการ
- อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาผ่านเสิร์ชเอนจิน (SEO) ทำให้ลูกค้าสามารถค้นหาร้านหรือธุรกิจของเราได้ง่ายขึ้น
- ตัวอย่างชื่อร้านที่ใช้คำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ
- BreadTalk: ร้านเบเกอรี่ที่ใช้คำว่า “Bread” เพื่อสื่อถึงสินค้าหลักคือขนมปัง ลูกค้าที่กำลังต้องการบริโภคขนมปังก็จะเกิดการรับรู้ทันที
- ไทวัสดุ ร้านค้าอุปกรณ์และวัสดุก่อสร้าง ของตกแต่งบ้าน คำว่า “วัสดุ” ลูกค้าจะรู้ทันทีว่าร้านค้านี้ขายเกี่ยวกับอะไรโดยไม่จำเป็นต้องไปค้นหาเพิ่มเติม
การตรวจสอบว่าชื่อร้านไม่ซ้ำกับร้านอื่น
- กลายเป็นประเด็น ข่าวใหญ่โต ในวงการขายของออนไลน์เลยทีเดียวกับเรื่องใช้ชื่อแบรนด์หรือชื่อร้านค้าซ้ำกัน ซึ่งเรื่องนี้อาจจะลามไปจนถึงปัญหาเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง
- ตัวอย่างข่าว ปัญหาการใช้ชื่อแบรนด์ซ้ำกัน ในกรณีตัวอย่างแบรนด์ NB – ฟ้า เจ้าของแบรนด์NB ยันไม่ได้แกล้ง แจงทำไมถึงฟ้องลิขสิทธิ์ เนเงิน-ครูเบียร์ : Khaosod – ข่าวสด (youtube.com)
- ช่องทางการตรวจสอบชื่อร้าน
- ใช้ Google, Bing หรือเสิร์ชเอนจินอื่นๆ เพื่อค้นหาชื่อร้านที่เราจะตั้งและดูผลลัพธ์ที่ปรากฏ ว่ามีร้านอื่นใช้ชื่อนี้อยู่แล้วหรือไม่?
- ตรวจสอบชื่อร้านผ่านฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ในประเทศไทย
- ตรวจสอบชื่อร้านในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Twitter , TikTok
- ใช้เว็บไซต์ตรวจสอบชื่อโดเมน (Domain name checker) เช่น GoDaddy, Namecheap
- การมีที่ปรึกษาทนายหรือผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องหมายการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าชื่อร้านปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย
การเลือกใช้คำที่มีความหมายในเชิงบวก
- ชื่อที่มีความหมายดีช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์นั้นมีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือ
- ตัวอย่างเช่น Lotus’s go fresh ธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ใช้เลือกคำที่สื่อถึงความสดชื่นและความใหม่ อย่าง “Fresh”
- ชื่อที่มีความหมายดีสามารถกระตุ้นความสนใจและความอยากรู้ของลูกค้า ทำให้ลูกค้าต้องการรู้จักและทดลองสินค้าหรือบริการของธุรกิจเรา
- คำที่มีความหมายในเชิงบวกสามารถสร้างความประทับใจแรกที่ดี ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีความไว้วางใจในแบรนด์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ
การใช้ภาษาและสไตล์ที่ตรงกับกลุ่มลูกค้า
- การที่ชื่อร้านหรือธุรกิจมีการใช้ภาษาหรือสไตล์ที่ใกล้เคียงกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย จะทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดกับธุรกิจมากกว่า
- เช่น ร้านเสื้อผ้าสำหรับเด็กที่ชื่อว่า Mama’s Choice กลุ่มเป้าหมายคือคุณแม่ที่มีลูก ดังนั้นการที่ชื่อร้านมีคำว่า Mama = แม่ จะสื่อถึงบุคลิกและภาพลักษณ์ของร้านได้ดีว่า ร้านนี้เหมาะสำหรับลูกค้าที่เป็นคุณแม่
- ธุรกิจบ้านพักคนชรา ชื่อ บ้านเย็นจิต โดยมีกลุ่มลูกค้าคือคนวัยชราและเกษียณที่จะมาพัก ดังนั้นชื่อธุรกิจจึงสื่อถึงความสงบสุขในบั้นปลายชีวิต
- ธุรกิจควรใช้ภาษาที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเข้าใจและรู้สึกเชื่อมโยงได้ ถ้ากลุ่มลูกค้าเป็นคนในพื้นที่ที่ใช้ภาษาท้องถิ่น ใช้ภาษาท้องถิ่นในการตั้งชื่อร้านก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย
ตัวอย่างหลักการตั้งชื่อร้านที่ดี
เทคนิคการสร้างสรรค์ชื่อร้านค้า
การใช้คำคล้องจองหรือคำเล่นเสียง
- เทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ชื่อร้านน่าจดจำและโดดเด่นอย่างหนึ่งก็คือการใช้คำคล้องจองหรือการเล่นเสียงในการพูด
- ยกตัวอย่าง ร้านพิมรี่พายขายทุกอย่าง ชื่อร้านมีคำคล้องจองระหว่างพาย-ขาย ทำให้การอ่านชื่อร้านไหลลื่นแถมคนยังจำว่าร้านนี้ขายทุกอย่าง
- ร้านเต๋อตำยำระเบิด ร้านอาหารประเภทส้มตำ ยำ ต่างๆ ก็มีเทคนิคการใช้ชื่อร้านที่คล้องจองผู้คนสามารถจดจำได้แม้ว่าชื่อร้านจะยาวก็ตาม
- การใช้เทคนิคเล่นคำเพื่อให้ชื่อร้านสดุดตา เช่น
- Dunkin Donuts การใช้ชื่อโดยมีคำเริ่มต้นเป็นตัว D ทั้งคู่ จะสื่อให้ชื่อร้านดูมีเอกลักษณ์และออกเสียงอย่างสนุกสนาน แต่ปัจจุบันก็มีการรีแบรนด์ใหม่ ในชื่อ Dunkin’ (ตัด Donuts ออกไป) เพราะต้องการให้ลูกค้ารับรู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีแค่โดนัท แต่ยังมีเครื่องดื่มหลากหลายชนิด โดยเฉพาะกาแฟ ซึ่งกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
การผสมคำหรือสร้างคำใหม่
- การสร้างชื่อที่ไม่ซ้ำใครและน่าจดจำ จะทำให้ชื่อร้านและธุรกิจดูมีเอกลักษณ์โดดเด่นกว่าร้านอื่นๆ และถ้าชื่อร้านฟังแล้วสร้างสรรค์ก็จะยิ่งดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น
- เช่น ร้านโอ้กะจู๋ ตอนแรกอาจจะฟังดูลามกแต่ชื่อมันก็ดึงดูดทำให้คนอยากรู้ว่าคือธุรกิจอะไร ซึ่งความจริงแล้วคือการนำชื่อของเจ้าของร้านทั้งสองมาผวนคำและตั้ง คือคุณโจ้กับคุณอู๋ กลายเป็น โอ้กะจู๋
- เทคนิคการผสมคำหรือสร้างคำใหม่
- เลือกคำที่สื่อถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการแล้วผสมคำเหล่านั้นเพื่อสร้างชื่อใหม่ เช่น ร้านวัวล้วนๆ ไม่มีความผสม คือร้านนมที่จะสื่อถึงนมวัว 100%
- ใช้คำย่อจากคำหลายคำหรือคำรวมที่สื่อถึงธุรกิจ เช่น KFC ย่อมาจาก Kentucky Fried Chicken
- ผสมชื่อหรือนามสกุลของผู้ก่อตั้งหรือเจ้าของร้าน เพื่อสร้างชื่อที่มีเอกลักษณ์และมีความหมายส่วนตัว
การใช้ชื่อบุคคลสำคัญหรือสถานที่ที่มีความหมาย
- ชื่อที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญหรือสถานที่ที่มีความหมายสามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับลูกค้าและเพิ่มสตอรี่ของธุรกิจให้ดูน่าค้นหา
- การใช้ชื่อสถานที่ที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หรือความสำคัญส่วนตัวเพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงและความภาคภูมิใจ
- เช่น กาแฟดอยช้าง กาแฟวาวี ล้วนตั้งชื่อมาจากสถานที่คือชื่อดอยที่มาของกาแฟนั้นๆ เพื่อนำเสนอของดีของพื้นที่
- ปั๊มน้ำมัน CalTex เกิดจากการตั้งชื่อโดยเอาคำนำหน้าของ 2 รัฐมารวมกันคือรัฐ California และ Texas โดยชื่อเต็มของบริษัทก็คือ California Texas Oil
- การผสมผสานชื่อบุคคลสำคัญเข้ากับคำที่สื่อถึงธุรกิจของเราเพื่อสร้างชื่อที่มีความหมายและน่าจดจำ
- Einstein Cafe ร้านกาแฟที่ใช้ชื่อ “Einstein” สื่อถึงความอัจฉริยะและความคิดสร้างสรรค์
- บะหมี่โหน่ง ชะชะช่า ร้านบะหมี่ของตลกชื่อดังที่ใช้ชื่อตัวเองตั้งชื่อร้านเพื่อง่ายต่อการจดจำ
ตัวเลขสื่อความหมาย
- การใช้ตัวเลขในการตั้งชื่อร้านค้าหรือเป็นส่วนหนึ่งของชื่อธุรกิจ จะทำให้ดูมีความหมายแฝงอยู่นั้นทำให้เกิดความน่าสนใจต่อชื่อร้านไม่น้อยเลย
- ทั้งนี้ตัวเลขที่แฝงในชื่อร้านอาจจะมาจากความเชื่อส่วนบุคคลหรือการใช้จำนวนปีที่ก่อตั้งหรือความหมายอื่นๆ ด้วยก็ได้
- ชื่อ 7-11 (เซเว่นอีเลฟเว่น) ความหมายของชื่อร้านแล้วเดิมทีร้านค้าสะดวกซื้อเปิดให้บริการตั้งแต่ 7:00 เช้า ถึง 11:00 กลางคืนนั่นเอง
- ร้านไก่ย่าง 5 ดาว ที่สื่อความหมายโดยใช้เลข 5 และมีดาวประกอบ โดยต้องการให้ลูกค้าเข้าใจว่าการได้ 5ดาวหมายถึงคะแนนความอร่อยและคุณภาพที่ได้เต็ม 5 คะแนน
ตัวอย่างร้านค้าที่มีเทคนิคการตั้งชื่อเจ๋งๆ
ข้อควรระวังในการตั้งชื่อร้านค้า
การตั้งชื่อร้านค้าหรือธุรกิจนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ง่ายและไม่ได้มีความยุ่งยากอะไรเท่ากับขั้นตอนอื่นๆ ในการทำธุกิจ ซึ่งนั่นก็ถูกต้องในส่วนหนึ่ง แม้ว่าการตั้งชื่อธุรกิจจะเป็นส่วนที่ง่ายที่สุดในการทำธุรกิจแต่ไม่ใช่ว่าจะตั้งผ่านๆ ไปโดยไม่ใส่ใจในรายละเอียด เพราะการตั้งชื่อร้านค้าหรือธุรกิจนั้นมีข้อควรระวังมากกว่าที่คุณคิด
หลีกเลี่ยงคำที่มีความหมายลบหรือไม่เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงคำที่มีความหมายลบหรือไม่เหมาะสม การใช้คำที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกไม่ดีหรือมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับธุรกิจ
- หลีกเลี่ยงคำหยาบคายหรือคำที่ส่อเสียดอาจสร้างความแตกแยกหรือไม่พอใจให้กับลูกค้าบางกลุ่ม ไม่ควรนำคำที่เกี่ยวข้องกับชาติพันธ์หรือความเชื่อมาล้อเล่นในชื่อร้าน
- หลีกเลี่ยงคำที่สื่อถึงความล้มเหลวหรือโชคร้ายอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ดีและไม่อยากเข้าร้าน เพราะลูกค้าบางรายอาจถือเรื่องโชคลางและความเชื่อส่วนบุคคล
การตรวจสอบความหมายของชื่อในภาษาต่างๆ
- เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดหรือการสื่อความหมายที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะกับลูกค้าจากต่างประเทศ หลากหลายวัฒนธรรมและภาษา ธุรกิจจึงต้องตรวจสอบความหมายของชื่อร้านค้าให้รอบคอบ
- การตรวจสอบความหมายของชื่อในภาษาต่างๆ เป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันปัญหาเหล่านี้
- คำบางคำที่มีความหมายดีในภาษาหนึ่ง อาจมีความหมายที่ไม่เหมาะสมหรือหยาบคายในภาษาอื่น
- ชื่อบางชื่ออาจถูกออกเสียงคล้ายคลึงกับคำที่มีความหมายลบในภาษาอื่นๆ
- ตรวจสอบว่าชื่อร้านไม่ขัดแย้งกับวัฒนธรรมและประเพณีของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
- กรณีตัวอย่าง เช่น ชื่อ “Puffs” ในภาษาอังกฤษเป็นชื่ออาหารชนิดหนึ่งแต่ในภาษาเยอรมัน “Puff” หมายถึงสถานที่ทำงานของโสเภณี เป็นต้น
การตรวจสอบการสะกดและการออกเสียงที่ชัดเจน
- ชื่อร้านที่ดีควรเป็นชื่อที่จำง่าย มีความหมายดี และสามารถสะกดและออกเสียงได้อย่างชัดเจน
- การเลือกชื่อที่มีการสะกดและการออกเสียงที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกค้าจดจำได้ง่ายและการค้นหาธุรกิจของเราบนโลกออนไลน์ก็จะยิ่งง่ายขึ้น
- การที่ชื่อร้านสะกดผิดหรือ ออกเสียงยาก ส่งผลต่อภาพลักษณ์ไม่น้อย ลูกค้าอาจคิดได้ว่าเกิดความสะเพร่าขึ้นภายในองค์กรและยากต่อการจดจำ
- เทคนิคในการตรวจสอบการสะกดและการออกเสียงให้ถูกต้อง
- ใช้เครื่องมือแปลภาษาออนไลน์ เช่น Google Translate เพื่อตรวจสอบการออกเสียงของชื่อในหลายๆภาษา
- ลองเขียนชื่อร้านในหลายรูปแบบ ทั้งตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก เพื่อดูว่าชื่อมีความชัดเจนและอ่านง่ายหรือไม่
- สอบถามคนรอบข้างต่อความสะดวกในการอ่านและออกเสียงของชื่อร้าน
ข้อควรระวังในการตั้งชื่อร้านค้า
ตัวอย่างชื่อร้านค้าที่ประสบความสำเร็จ
ตัวอย่างชื่อร้านในไทย
- Mango Tango : การใช้คำว่า “Mango” ที่เป็นผลไม้ยอดนิยมในไทยและสินค้าหลักของร้าน ส่วน “Tango” ที่สื่อถึงจังหวะการเต้นในดนตรีที่มีชีวิตชีวาและความสนุกสนาน
- สุกี้ตี๋น้อย : ชื่อนี้อ่านง่าย จดจำง่าย สื่อถึงอาหารที่คุ้นเคยและความเป็นกันเอง
- เนื้อแท้ : ชื่อร้านที่สื่อความหมายของการเป็นตัวจริงของร้านอาหารประเภท “เนื้อวัว” ที่เป็นเมนูหลัก
- Fuji : ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ชื่อร้านคือ ชื่อภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุด โด่งดังที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ทำให้เกิดความคุ้นเคยและอารมณ์ร่วมกับอาหารญี่ปุ่น
ตัวอย่างชื่อร้านจากต่างประเทศ
- McDonald’s : ชื่อ “McDonald’s” มาจากนามสกุลของผู้ก่อตั้ง การใช้ชื่อที่เรียบง่ายและเป็นกันเองช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้นเคยและไว้วางใจ
- Nike : ชื่อ “Nike” มาจากชื่อเทพธิดาแห่งชัยชนะในตำนานกรีก สื่อถึงความสำเร็จและชัยชนะ ชื่อนี้สั้นและจดจำง่าย ทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จในวงการกีฬาไปในตัว
- Burger King : ชื่อที่สื่อถึงความเป็นราชาตัวจริงของร้านเบอร์เกอร์ ทำให้ลูกค้าฟังแล้วคุ้นหู ท้าทายให้มาลองบริโภคสินค้าของร้าน
สรุป
การตั้งชื่อร้านค้าหรือธุรกิจนั้นแม้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ง่ายที่สุดในหลายๆ องค์ประกอบของการทำธุรกิจ แต่ก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ เจ้าของธุรกิจต้องใจในรายละเอียดต่างๆ ของชื่อร้าน ทั้งความหมายของชื่อร้าน การจดจำแบรนด์ เรื่องกฎหมายในการใช้ชื่อร้าน การแฝงความหมายในชื่อร้าน การอ่านและออกเสียง การเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น ทั้งหมดนี้คือประกอบสำคัญที่เจ้าธุรกิจต้องคำนึงถึงเสมอหากจะตั้งชื่อร้านค้าสักร้านหนึ่ง