เชื่อไหมว่า ? การเทรด Forex ยังมีหลายคนเชื่อว่าเป็นการพนัน บางคนก็คิดว่ามันคือแชร์ลูกโซ่ ในความเป็นจริงแล้ว Forex นั้นปะปนอยู่ในชีวิตประจำวันของเรามากกว่าที่คิด มันคือการซื้อขายในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งหากเจาะลึกและทำความเข้าใจจริงๆ จะรู้ว่า Forex เป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยทั้งความรู้ ทักษะและวินัย และแน่นอนบทความนี้จะพาทุกท่านไปสู่โลกของ Forex ตั้งแต่ขั้นตอนแรกในการเลือกโบรกเกอร์ ไปจนถึงเทคนิคการวิเคราะห์และการถอนเงินกำไร เพื่อเข้าใจกระบวนการเทรด Forex ให้เห็นภาพชัดขึ้น
Forex คืออะไร? รู้จักกับตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- คุณเคยไปเที่ยวต่างประเทศไหม? หากเคยคุณก็คงจะเคยแลกเงินบาทไทยไปเป็นสกุลเงินของประเทศที่เรากำลังจะเดินทางไปใช่ไหม? และคุณก็จะเห็นว่ามีหลายสุกลเงินพร้อมกับตัวเลขเรทค่าเงินแสดงโชว์ไว้ นั่นและคือ Forex
- และถ้าเราสังเกตให้ดีจะพบว่า การแลกเปลี่ยนเงินในแต่ละช่วงเวลานั้นจะมีอัตราแลกที่ต่างกัน การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนนี่แหละที่เราจะใช้ในการทำกำไรในตลาด Forex
- สรุป Forex ก็คือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีสกุลเงินทั่วโลกรองรับ ส่วนการเทรด Forex คือ การซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศเหล่านั้น นั่นเอง
- รู้หรือไม่…จากข้อมูลของ Bank for International Settlements พบว่าทั่วโลกมีการเทรด Forex ปริมาณโดยเฉลี่ยมากกว่า 7 ล้านล้านดอลล่าห์แต่ละวัน มากกว่าการซื้อขายหุ้น 10 เท่า!!!
- จากสถิติแล้วก็นับว่าไม่แปลกเพราะปัจจุบันการเชื่อมต่อกันทั่วโลกเป็นสิ่งที่ง่ายดายและการซื้อขายสกุลเงินจากทั่วโลกก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายและเกิดขึ้นอย่ารวดเร็วไปโดยปริยาย
การเทรด Forex สิ่งที่คุณต้องรู้
- เมื่อกี้เราทำความรู้จักไปแล้วว่า Forex คืออะไร ต่อไปการซื้อขายสกุลเงินหรือที่เราเรียกว่าการเทรด Forex ล่ะ คืออะไร? มีกระบวนการทำงานอย่างไร?
- การแลกเปลี่ยนสกุลเงินตามปกติเราไม่ได้สนใจว่าเงินที่เราแลกไป แลกกลับ มันจะมีส่วนต่างเท่าไหร่ ได้กำไรหรือไม่ แต่การเทรด Forex นั้น เราต้องสนใจส่วนนี้ด้วยเพราะมันคือวิธีการทำกำไรจากการเทรด Forex นั่นเอง
- การเทรด Forex คือการคาดการณ์ว่าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงินจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด และตามด้วยการเกิดแอคชั่นต่อการคาดการณ์นั้น คือ เราจะซื้อหรือขาย
- ตัวอย่าง EUR/USD มีเรทราคาซื้อขายที่ 1.3010 ซึ่งหมายความว่า 1 ยูโรมีค่าเท่ากับ 1.3010 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- การซื้อ EUR/USD อยู่บนเกณฑ์ที่เราเชื่อว่า EUR จะแข็งค่าหรือ USD จะอ่อนค่า เปรียบเทียบได้ดังนี้
- เราซื้อ €10,000 ด้วย $13,010 หากราคา EUR/USD ขยับขึ้นเป็น 1.3110 (ดอลล่าห์อ่อนค่าลงเพราะยูโรซื้อดอลล่าห์ได้มากขึ้น) เราสามารถขาย €10,000 ได้ $13,110 ทำกำไร $100 ซึ่งหากตรงกันข้ามก็จะขาดทุนตามจำนวนเรทราคา
- การขาย EUR/USD เราเชื่อว่า EUR จะอ่อนค่าลง หรือ USD จะแข็งค่าขึ้น มันจะสลับเล็กน้อย กลายเป็น เราซื้อ $13,010 ด้วย €10,000 หากราคา EUR/USD ลดลงเหลือ 1.2902 (ยูโรซื้อดอลล่าห์ได้น้อยลง) เท่ากับเราขาย $12,902 เพื่อรับ €10,000 กลับมา มันจึงทำกำไร $108
- แล้วเราซื้อขายกับใคร? ก็ซื้อขายกับเทรดเดอร์ สถาบันการเงิน หรืออค์กรทั่วโลก โดยมีโบรกเกอร์เป็นนายหน้าหรือตัวกลางในการซื้อขายนี้
- แล้วเพราะอะไรเรทราคาค่าเงินมันจึงขยับเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ส่วนนี้เราจะอธิบายให้ชัดเจนในหัวข้อการวิเคราะห์เบื้องต้น ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงขอสกุลเงิน
เจาะลึกสกุลเงิน
- เรามาทำความเข้าใจในส่วนของคู่สกุลเงินก่อนที่จะเข้าไปสู่ขั้นตอนการเทรด Forex ซึ่งเทรดเดอร์ต้องทำความเข้าใจว่า คู่สกุลเงินแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มตามความนิยมและสภาพคล่อง ดังนี้
- Major Pairs คู่สกุลเงินหลัก
เป็นคู่สกุลเงินที่ซื้อขายมากที่สุด คิดเป็นประมาณ 85% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด สกุลเงินเหล่านี้ก็มักจะเป็นของประเทศที่เป็นมหาอำนาจของโลก ตัวอย่าง: EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, AUD/USD, USD/CHF, USD/CAD
- Minor Pairs คู่สกุลเงินรอง
พูดง่ายๆ ก็คือคู่สกุลเงินที่ไม่รวมดอลลาร์สหรัฐ ยังคงเป็นสกุลเงินจากประเทศมหาอำนาจอยู่ แค่ไม่มีการซื้อขายกับ USD เช่น EUR/JPY, AUD/NZD, EUR/GBP
- Exotic Pairs คู่สกุลเงินแปลก
เป็นคู่สกุลเงินที่ไม่นิยมและซื้อขายน้อย มักเป็นของประเทศที่ไม่มีผลต่อเศรษฐกิจโลกมากนัก เช่น AUD/PLN, USD/CZK, GBP/DKK, EUR/TRY
- หากเราเป็นเทรดเดอร์มือใหม่ ก็ควรรู้ไว้ว่า EUR/USD เป็นคู่สกุลเงินที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็นประมาณ 28% ของการเทรดทั้งหมด และการทำกำไร-ขาดทุน ส่วนใหญ่ก็มาจากคู่สกุลเงินหลัก
คู่สกุลเงินประเภทต่างๆ
เลือกโบรกเกอร์ที่ใช่ ปัจจัยสำคัญที่เทรดเดอร์ต้องรู้
การเทรด Forex แม้ว่าเทรดเดอร์จะมีความรู้มากมายแค่ไหนหรือมีสกิลการเทรดที่ทำกำไรได้อย่างอัศจรรย์ แต่มีสิ่งงงหนึ่งที่จะทำให้การเทรดของเราตกม้าตายในตอนท้ายได้ คือการเลือกใช้โบรกเกอร์ เพราะมันจะสูญเปล่าแน่นอนหากเราเลือกใช้โบรกเกอร์ที่ไม่มีมาตรฐานและกลายเป็นเหยื่อในการถูกหลอกทันที
เกณฑ์ในการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ
- ความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแล (Regulation) : โบรกเกอร์ควรได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น FCA, ASIC หรือ CySEC สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์มั่นใจในระดับนึงว่าโบรกเกอร์ที่เราใช้บริการนั้นได้ปฏิบัติตามมาตรฐานทางกฎหมายและความปลอดภัย
- ความโปร่งใสในการทำธุรกรรม (Transaction Transparency) : โบรกเกอร์ที่ดีควรมีความโปร่งใสในเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยการระบุให้เทรดเดอร์ทราบในหน้าเว็บไซต์อย่างชัดเจน เช่น สเปรด, ค่าคอมมิชชั่น และการฝาก-ถอนน
- ความปลอดภัยของเงินทุน (Fund Security) : โบรกเกอร์ควรแยกเงินทุนของลูกค้าออกจากเงินทุนของบริษัทเอง และมีการจัดการเงินทุนในธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือ พร้อมระบุข้อมูลเหล่านี้ให้เทรดเดอร์ตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส
- บริการลูกค้าที่มีคุณภาพ (Quality Customer Support) : ข้อสังเกตของโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือนั้น พนักงานซัปพอร์ตมักจะมีความรู้และสามารถให้คำปรึกษา วิธีช่วยเหลือแก่เทรดเดอร์ได้ดี
- แพลตฟอร์มและเครื่องมือเทรด (Trading Platform & Tools) : โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือส่วนใหญ่จะมีแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้มาตรฐานระดับสากล ( เช่น MetaTrader 4/5) และมีเครื่องมือต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกในการเทรด
เกณฑ์ในการเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ Forex
5 โบรกเกอร์ Forex ยอดนิยมในปี 2024
เมืองไทยของเรานั้นมีบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เป็นนายหน้าในการซื้อขาย Forex หลายแห่ง แต่ละแห่ก็มีจุดเด่นและข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันออกไป แต่แน่นอนว่าทุกวงงการย่อมมีตัวท็อปขอวงการ เช่นเดียวกับโบรกเกอร์ Forex และนี่ก็คือบรรดาโบรกเกอร์ที่เทรดเดอร์ไทยนิยมใช้บริการมากทีสุดในปี 2024 นี้
- Exness : Exness เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในไทย การได้รับอนุญาตและกำกับดูแลโดย FSA (สำนักงานกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินประเทศเซเชลส์) ยิ่งทำให้ Exness ดูน่าเชื่อถือ อีกทั้งการที่มีสเปรดที่ต่ำและไม่มีค่าคอมมิชชั่น ทำเทรดเดอร์หลายคนเลือกให้ Exness เป็นโบรกเกอร์ Forex ในใจ
- XM : โบรกเกอร์นี้ขึ้นชื่อว่าสามารถตอบโจทย์เทรดเดอร์ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพ โบรกเกอร์ XM ยังมีโบนัสและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ เช่น โบนัสเงินฝาก และการเทรดที่ไม่มีค่าธรรมเนียม
- FBS : เป็นอีกโบรกเกอร์หนึ่งที่คนไทยนิยมใช้บริการ ด้วยองค์ประกอบภาพรวมที่เทรดเดอร์ไว้ใจได้ เช่น การให้บริการที่ดี รวดเร็ว การมีแพลตฟอร์มเทรดที่เป็นมาตรฐานสากล
- IC Markets : เทรดเดอร์มืออาชีพมักใช้บริการกับ IC Markets เพราะเงื่อนไขอาจจะตอบโจทย์พวกเขา ค่าบริการในการเทรด อาจจะต่ำ แพลตฟอร์มการเทรดที่ครบวงจร ทั้ง MT4/5 ,cTrader ,Trading View
- Pepperstone : แม้ว่าหน้าเว็บไซต์จะยังงไม่รองรับภาษาไทยแต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นที่คนไทยจะไม่นิยมใช้ Pepperstone เป็นโบรกเกอร์ เพราะคุณสมบัติด้านอื่นๆ ของโบรกเกอร์นี้ได้ตอบโจทย์เทรดเดอร์ไปหมดแล้ว
เปิดบัญชีเทรด Forex ขั้นตอนสำคัญก่อนเริ่มเทรด
เมื่อถึงขั้นตอนนี้ หลายคนคงจะมีโบรกเกอร์ในใจที่ต้องการจะใช้บริการแล้ว ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์นั้นก็มีเงื่อนไขการเปิดบัญชีเทรดที่แตกต่างกันไปในรายละเอียดปลีกย่อย แต่ในที่นี้เราจะพูดถึงภาพรวมในการเปิดบัญชีเทรดที่โบรกเกอร์ส่วนมากจะต้องมีขั้นตอนตามนี้เป็นหลัก
เอกสารและข้อมูลที่ต้องเตรียม
- ขั้นตอนในการเปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์ Forex นั้น เบื้องต้นทางโบรกเกอร์อาจจะให้เรากรอกข้อมูลเบื้องต้น เช่น
- ชื่อ-นามสกุล
- วันเกิด
- ที่อยู่
- อีเมล ข้อมูลการติดต่อ
- ประสบการณ์ในการเทรด
- โดยทั่วไปแล้วการสมัครเปิดบัญชี เทรดเดอร์จะต้องเตรียมเอกสารและข้อมูลดังนี้
- บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทางพาสปอร์ต สำหรับการยืนยันตัวตน
- เอกสารที่แสดงที่อยู่ปัจจุบัน เช่น บิลค่าน้ำ ค่าไฟ หรือสลิปยอดเงินในธนาคาร ซึ่งมีชื่อและที่อยู่ของเรา
- โบรกเกอร์บางรายอาจขอข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการเงิน เช่น รายได้ต่อปี แหล่งที่มาของรายได้ อาจจะเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษบางอย่าง
- ข้อมูลบัญชีธนาคารสำหรับการฝากและถอนเงิน ซึ่งอาจรวมถึงหมายเลขบัญชี ชื่อธนาคารและสาขา
- ข้อมูลและเอกสารเหล่านี้ จะเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของโบรกเกอร์และตัวเทรดเดอร์เอง เพราะเอกสารเหล่านี้สามารถใช้เป็นหลักฐานในข้อกฏหมายต่าๆ ได้
เลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสม
- สำหรับการกรอกข้อมูลเบื้องต้นเสร็จแล้วนั้น ขั้นตอนหลักๆ ต่อไปก็จะเป็นการเลือกเปิดบัญชีตามประเภทที่ตัวเรารู้สึกว่าเงื่อนไขของบัญชีเหมาะสมกับเรา
- โบรกเกอร์แต่ละเจ้านั้นมีประเภทบัญชีไม่เท่ากันแน่นอน และแต่ละบัญชีก็มีเงื่อนไขไม่เท่ากันอีกด้วย ดังนั้นจะสรุปคร่าวๆ ให้เห็นความแตกต่างของบัญชีหลักๆ ที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีให้บริการ
- บัญชี Cent หรือ Micro
- คุณสมบัติของบัญชีนี้ก็เป็นไปตามชื่อเรียกเลย นั่นก็คือ บัญชีสำหรับเงินฝากขนาดเล็ก
- ส่วนใหญ่เงินฝากของบัญชีนี้จะเริ่มต้นไม่เกิน 50 USD มีเงื่อนไขการเทรดที่ต่ำ เช่นค่าสเปรด ค่าสวอป
- คุณสมบัติของบัญชีประเภทนี้คือ ความเสี่ยงต่ำในการสูญเสียเงินทุนจำนวนมาก เพราะเราเทรดด้วยเงินจำนวนน้อย
- ส่วนใหญ่เทรดเดอร์จึงมักจะใช้บัญชีประเภทนี้เพื่อทดลองใช้โบรกเกอร์หรือทดสอบกลยุทธ์การเทรดมากกว่า
- บัญชี Standard
- บัญชีประเภทนี้มักจะเป็นมาตรฐานของแต่ละโบรกเกอร์ ค่าสเปรดที่ไม่สูงเกินไป ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในการเทรด ค่าสวอปพอประมาณ มักจะไม่มีจุดเด่นมากนัก
- เปรียบเสมือนเป็นบัญชีทั่วไปสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดทำกำไรเป็นครั้งคราวหรือสำหรับเทรดเดอร์พาร์ทไทม์มักจะใช้บัญชีนี้ เป็นหลัก
- บัญชีนี้อาจจะมีเงื่อนไขบางกรณีที่พิเศากว่าบัญชีแบบ Cent แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางส่วนอยู่
- บัญชี ECN
- บัญชีประเภทนี้จะมีคุณสมบัติและเงื่อนไขที่ซับซ้อนและต่างจากบัญชี 2 ประเภทก่อนหน้าอย่างชัดเจน
- ส่วนใหญ่แล้วบัญชีนี้จะมีสเปรดที่ต่ำมากเนื่องจากการซื้อขายผ่านเครือข่าย ECN แต่จะมีค่าคอมมิชชั่นต่อการเทรด ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์ก็มีค่าคอมมิชชั่นไม่เท่ากัน
- บัญชีประเภทนี้เหมาะกับเทรดเดอร์มืออาชีพที่มีกลยุทธืการเทรดที่หลากหลาย ทั้งเทรดสั้น เทรดยาว หรือเน้นเก็บกำไรรายวัน
- บัญชี Islamic
- บัญชีนี้ ไม่ถึงขั้นแบ่งออกเป็นอีกประเภท แต่เปรียบเหมือนสถานะหนึ่งของบัญชีสำหรับเทรดเดอร์มุสลิม
- เพราะในศาสนาอิสลามจะไม่มีการคิดดอกเบี้ยจากการถือสถานะค้างคืน ดังนั้นบัญชี Islamic จึงเป็นบัญชีแบบ ฟรีสวอป ไม่มีการคิดดอกเบี้ย overnight swap fee
- ส่วนใหญ่แล้วโบรกเกอร์จะมีสถานะบัญชีนี้ เพื่อรองรับเทรดเดอร์ชาวมุสลิมทั่วโลก
ประเภทบัญชีเทรด Forex
การยืนยันตัวตนเพื่อความปลอดภัย
- เมื่อเราเลือกเปิดบัญชีประเภทใด ประเภทหนึ่งแล้ว ก่อนจะถึงขั้นตอนการฝากเงงินเพื่อทำการเทรดนั้น ทางโบรกเกอร์มักจะขอให้เทรดเดอร์ยืนยันตัวตนให้ชัดเจนก่อนทำธุรกรรมการเงินพื่อป้องกันการฟอกเงินและการฉ้อโกง
- การยืนยันตัวตนโดยส่วนมาก เทรดเดอร์ก็จะต้องอัพโหลดเอกสารที่ได้กล่าวไปตอนต้นให้กับทางโบรกเกอร์
- บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทางพาสปอร์ต
- เอกสารที่แสดงที่อยู่ปัจจุบัน เช่น บิลค่าน้ำ ค่าไฟ
- หน้าสมุดบัญชีธนาคาร สำหรับการยืนยันบัญชีในการฝากถอน
- บางโบรกเกอร์อาจจะต้องการยืนยันตัวตนด้วยการถ่ายเซลฟี่กับบัตรประชาชน ซึ่งเราก็ต้องเขียนกำกับในรูปให้เรียบร้อยว่าใช้สำหรับยืนยันตัวตนเท่านั้น
- โบรกเกอร์อาจขอให้คุณยืนยันหมายเลขโทรศัพท์และอีเมลที่ลงทะเบียนโดยโบรกเกอร์จะส่งรหัสยืนยันแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) ไปยังโทรศัพท์หรืออีเมลที่ลงงทะเบียน
- การยืนยันบัญชีในการฝากถอน เราต้องอัพโหลดหน้าสมุดบัญชีธนาคารที่มีชื่อบัญชีตรงกับชื่อที่เราสมัคร และไม่สามารถใช้บัญชีอื่นฝากถอนได้
ติดตั้งและใช้งานแพลตฟอร์มเทรด MetaTrader 4/5
แพลตฟอร์มการเทรด Forex นั้นส่วนใหญ่โบรกเกอร์ที่ได้มkตรฐานมักจะเลือกใช้แพลตฟอร์มอย่าง MT4 หรือ MT5 เหตุผลเป็นเพราะอะไร ไปรับชมพร้อมกันเลย
รู้จักกับ MetaTrader 4 & MetaTrader 5
- Meta Trader 4 หรือ MT4 ถูกปล่อยให้ใช้งานครั้งแรกเมื่อปี 2005 สำหรับการเทรดสินทรัพย์ออนไลน์ ซึ่งดูจากคุณสมบัติแล้ว MT4 จะเน้นไปที่การเทรด Forex เป็นหลัก
- MT4 ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่มีอินเทอร์เฟซการใช้งานที่เรียบง่าย รองรับการเทรดได้หลากหลายกลยุทธ์พอสมควร เปรียบเหมือนเป็นมาตรฐานการเทรดของเทรดเดอร์ทั่วโลก
- Meta Trader 5 หรือ MT5 แพลตฟอร์มนี้เหมือนเวอร์ชั่นอัพเกรดของ MT4 เพราะทุกฟังก์ชั่นของ MT4 นั้น สามารถใช้งานบน MT5 ได้หมด และ MT5 ยังมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมอีกมากมาย
- ฟังก์ชั่นเพิ่มเติมที่ว่า เช่น การเข้าถึงตราสารเทรดได้หลากหลายกว่า MT4 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความสามารถในการตอบโจทย์ความต้องการของเทรดเดอร์มากกว่า MT4
คำแนะนำในการดาวน์โหลดและติดตั้ง MT4/MT5
- Meta Trader 4/5 นั้นสามารถ ดาวน์โหลดและติดตั้งได้บนทุกอุปกรณ์ เช่น
- คอมพิวเตอร์ PC
- แล็ปท็อป
- แท็บเล็ต
- สมาร์ทโฟน
- เว็บบราวเซอร์
- ในทีนี้เราจะอธิบายขั้นตอนการติดตั้งแบบพื้นฐานของแต่ละอุปกรณ์ให้เทรดเดอร์ได้มองเห็นภาพรวมก่อน
- การติดตั้ง MT4 / MT5 สำหรับ Windows
- ไปที่หน้าเมนูแพลตฟอร์มและกดดาวน์โหลด MT4/5 บนเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ที่คุณใช้บริการ
- คลิกที่ปุ่มดาวน์โหลดเพื่อเริ่มดาวน์โหลดไฟล์
- เมื่อดาวน์โหลดเสร็จสิ้น ให้เปิดไฟล์ติดตั้งที่ดาวน์โหลดมา พร้อมกับอ่านข้อตกลงการใช้งานให้ละเอียด จากนั้น คลิก “ตกลง” หรือ “Next”
- โปรแกรมจะเริ่มติดตั้งโดยอัตโนมัติ รอจนกว่ากระบวนการติดตั้งจะเสร็จสิ้น
- เมื่อติดตั้งเสร็จสิ้น ให้เปิดโปรแกรม MT4/5 จากไอคอนที่แสดงบนหน้าจออุปกรณ์
- ให้เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ตรงกับบัญชีเทรดของเรา กรอกหมายเลขบัญชี รหัสผ่าน และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ โบรกเกอร์มักจะส่งมาให้ทางอีเมล
- แค่นี้ก็เรียบร้อย! สามารถเริ่มต้นใช้งาน MT4/5 เพื่อเทรด Forex ได้แล้ว
- การติดตั้ง MT4 / MT5 สำหรับ Mac (บางโบรกเกอร์)
- ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง MT4/5 สำหรับ Mac จากลิงก์ที่โบรกเกอร์มีให้
- เมื่อดาวน์โหลดเสร็จสิ้น ให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา ส่วนใหญ่ไฟล์จะนาวสกุล .dmg
- ในหน้าต่างที่เปิดขึ้นมา ให้ลากไอคอนของโปรแกรม MT4/5 ไปวางในโฟลเดอร์ Applications ของ Mac
- เมื่อการคัดลอกเสร็จสิ้น โปรแกรม MT4/5 จะถูกติดตั้งเรียบร้อยแล้ว สามารถเปิดโปรแกรมใช้งานได้เลย
- หากมีหน้าต่างแจ้งเตือนขึ้นมา ให้คลิก “Open” เพื่ออนุญาตให้โปรแกรมทำงาน หากไม่สามารถเปิดได้ ให้ไปที่ System Preferences > Security & Privacy แล้วคลิก “Open Anyway” เพื่ออนุญาต
- เมื่อโปรแกรมเปิดขึ้นมา ให้ใส่ข้อมูล Login, Password และ One-time password (รหัส OTP) ที่ได้รับจากโบรกเกอร์ จากนั้นเลือก Server ที่ต้องการใช้งาน ซึ่งเป็นเซิฟเวอร์บัญชีเดโม่และบัญชีจริง
- การติดตั้ง MT4/MT5 สำหรับ IOS
- ค้นหา “metatrader 4 หรือ 5” ใน App Store แล้วดาวน์โหลด
- เปิดแอป MT4/5 ที่ดาวน์โหลดมา เลือก “Login to an existing account” สำหรับบัญชีจริง
- กรอกข้อมูล Login , Password และเซิร์ฟเวอร์ที่ทางโบรกเกอร์ส่งให้ในอีเมล
- จากนั้นล็อกอินเข้าไป ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
- การติดตั้ง MT4/MT5 สำหรับ Android
- ค้นหา “MetaTrader 4/5” ใน Play Store แล้วติดตั้ง
- เปิดแอป MT4/5 ที่ติดตั้งมา เลือก “Login to an existing account” สำหรับบัญชีจริง
- กรอกข้อมูล Login , Password และเซิร์ฟเวอร์ที่ทางโบรกเกอร์ส่งให้ในอีเมล
- หากมีการแจ้งเตือนใดๆ อนุญาตให้แอปเข้าถึงข้อมูลเพื่อใช้งานได้เต็มที่
- เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเริ่มต้นเทรดผ่าน MT4/5 บน Android ได้แล้ว
เริ่มต้นการซื้อขาย Forex
ถึงจุดนี้แล้ว ก็เรียกว่าผ่านมาหลายด่าน เทรดเดอร์คงจะพร้อมเข้าสู่ขั้นตอนการเทรดแล้ว ดังนั้นอย่ารอช้าอยู่เลยเพราะหัวข้อนี้จะพูดถึงการวิเคราะห์การเทรด Forex แบบเบื้องต้นว่ามีการวิเคราะห์แบบไหนบ้าง แล้วจะใช้เมื่อไหร่ มีแนวทางการเทรดอย่างไร
วิธีการวิเคราะห์ตลาดเบื้องต้น
การเริ่มต้นเทรด Forex นั้น ขั้นตอนสำคัญอย่างแรกของเทรดเดอร์ คือการวิเคราะห์ เพราะหัวใจหลักของการเทรดคือเราสามารถวิเคราะห์คาดการณ์ได้ว่าราคาของสกุลเงินนั้นจะไปในทิศทางใด ซึ่งวิธีการวิเคราะห์นั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่คือ
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
- หากใครได้อ่านในบทความเรื่องเทรดหุ้นจะได้เจอกับปัจจัยพื้นฐานอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่การวิเคราะห์ปัจจัยของบริษัทแต่เป็นวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อมูลค่าของสกุลเงิน
- ปัจจัยที่ว่านั้นก็อย่างเช่น
- ข่าวเศรษฐกิจ: ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ เช่น ตัวเลขGDP, อัตราเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย
- เหตุการณ์ทางการเมือง: การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง, สงคราม
- นโยบายของธนาคารกลาง: การปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย
- เหตุการณ์สำคัญอื่นๆ: ภัยธรรมชาติ
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ การศึกษารูปแบบและพฤติกรรมของกราฟราคาในอดีตที่เกิดขึ้นบนชาร์ต เพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต
- ส่วนใหญ่การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะใช้เครื่องมือดังนี้…
- กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) : รูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ บนกราฟ และบ่งบอกถึงแนวโน้มของราคา
- ตัวชี้วัดต่างๆ (Indicator) : เครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์กราฟ เช่น RSI, MACD, และ Moving Averages เป็นต้น
- แนวรับ-แนวต้าน (Support , Resistant) : ระดับของราคาที่มักจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างในอดีต เช่น เกิดแรงซื้อ แรงขาย จำนวนมากบริเวณนี้
การวิเคราะห์ตลาด Forex เบื้องต้น
การใช้คำสั่งซื้อขาย Forex
- การเทรด Forex นั้น มีคำสั่งในการซื้อขายสกุลเงินอยู่ มันเป็นเหมือนเครื่องมือในการทำธุรกรรมของเราบนตลาด Forex เอาไว้ทำการซื้อหรือขาย เพื่อทำกำไรให้เรา
- หลักๆ แล้ว คำสั่งซื้อขาย Forex จะแบ่ง ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
- คำสั่ง Market Order
- คือคำสั่งซื้อขายที่ถูกดำเนินการทันทีในราคาตลาดปัจจุบัน เมื่อคุณต้องการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินทันที โดยไม่ต้องรอราคาที่ตั้งเป้าไว้
- เช่น ต้องการซื้อ EUR/USD ตอนนี้ คุณจะใช้ Market Order เพื่อซื้อในราคาที่ดีที่สุดที่ตลาดเสนอมาทันที
- คำสั่ง Limit Order
- คือคำสั่งซื้อขายที่จะดำเนินการเมื่อราคาตลาดถึงระดับที่กำหนดไว้
- เช่น ถ้า EUR/USD อยู่ที่ 1.3000 และคุณต้องการซื้อเมื่อราคาลงมาที่ 1.2950 คุณสามารถตั้ง Limit Order แบบ Buy ไว้ที่ 1.2950
- คำสั่ง Stop Order
- คำสั่งซื้อขายที่ถูกดำเนินการเมื่อราคาตลาดเคลื่อนที่ผ่านระดับราคาที่คุณกำหนดไว้
- สามารถใช้เป็น Stop-Loss เพื่อจำกัดความเสียหายหากตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คาดการณ์ไว้
- และใช้ Take-Profit เพื่อรวบรวมกำไรเมื่อราคาเคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่คาดการณ์ไว้
ถอนกำไร Forex ขั้นตอนที่เทรดเดอร์รอคอย
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงขั้นตอนที่เทรดเดอร์หลายคนชอบที่สุดคือขั้นตอนของการถอนเงินกำไร ซึ่งในความเป็นจริงนั้นแต่ละโบรกเกอร์มีความแตกต่างกันมาก ในเรื่องของ ช่องทางการถอน ค่าธรรมเนียมการถอน ระยะเวลาในการถอน ซึ่งตรงนี้เราจะพูดในภาพรวมแบบกว้างๆ ที่โบรกเกอร์ทุกโบรกจะต้องมี
- การถอนเงิน Forex ขั้นตอนแรก ให้เทรดเดอร์เข้าสู่หน้าพอร์ตในเว็บไซต์ของโบรกเกอร์นั้น มองหาเมนูในส่วนของการถอนเงินให้ชัดเจน
- ขั้นต่อไป เทรดเดอร์จะต้องทำการเลือกช่องทางที่จะถอนเงิน เช่น
- การโอนเงินผ่านธนาคาร (Bank Transfer)
- บัตรเครดิต/เดบิต (Credit/Debit Card)
- กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallets) เช่น PayPal, Skrill, Neteller
- ขั้นตอนนี้บางโบรกเกอร์จะมีจำนวนเงินขั้นต่ำที่สามารถถอนได้ เทรดเดอร์ต้องตรวจสอบให้ถูกต้องว่ายอดถอนของเราอยู่ในเงื่อนไข
- หลังจากกรอกจำนวนเงินถูกต้อง เลือกช่องทางรับเงินที่สะดวกแล้ว ก็กดยืนยันการถอนเงินได้เลย ส่วนนี้บางโบรกเกอร์อาจจะให้เรายืนยันตัวตนอีกทีโดยใช้รหัส OTP เป็นต้น
- หลังจากกดยืนยันแล้ว ทีนี้เราก็ทำได้เพียงแค่รอทางโบรกเกอร์อนุมัติการโอนเงินมาให้เรา ซึ่งระยะเวลาในการโอนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับช่องทางการโอนและประสิทธิภาพของโบรกเกอร์เองด้วย โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1-3 วันทำการ
สรุป
การเทรด Forex นับเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ที่ต้องใช้ทักษะมากกว่าการซื้อราคาต่ำ ขายราคาสูง เพราะ Forex มีโอกาสทำกำไรได้หลายทางกว่านั้น บทความนี้จึงเป็นเหมือนหนังสือคู่มือแนะนำ คนที่สนใจในการเทรด Forex แบบเบื้องต้น ทีมงานขั้นเทพก็ได้ไปรู้จักกับ Forex และขั้นตอนในการเริ่มเทรด ตั้งแต่เลือกโบรกเกอร์ เปิดบัญชี การวิเคราะห์ การซื้อขาย จนถึงการถอนเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแนวทางคร่าวๆ ให้เทรดเดอร์ได้มองภาพรวมออกเท่านั้น ในความจริงแล้ว 1 หัวข้อของ Forex สามารถเจาะลึกได้อีกหลายอย่าง ซึ่งก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นให้ใครที่สนใจได้เริ่มรู้จักและศึกษา Forex ให้ลึกลงไปอีก ในอนาคตอาจะมีเทรดเดอร์ Forex เก่งๆ เพิ่มขึ้นก็ได้