วิธี เทรดคริปโตเคอเรนซี่ การหาโบรกเกอร์และหาเหรียญที่มีโอกาสเติบโต

วิธีเทรดคริปโตเคอเรนซี่

หากได้มีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการลงทุน ในอดีตคนก็มักจะพูดเกี่ยวกับหุ้นหรือกองทุน เวลาผ่านไปอีกหน่อยผู้คนก็เริ่มจะมีการพูดถึง Forex แต่พอมายุคดิจิทัลนี้มีหนึ่งสินทรัพย์ที่กลายเป็นกระแสโด่งดังขึ้นมานั่นก๋คือ “คริปโตเคอเรนซี่” มันคืออะไร? เป็นสินทรัพย์แบบไหน? เราทำเงินกับมันได้จริงหรือ? บทความนี้จะเป็นคำตอบและพาคุณไปทำความรู้จักพื้นฐานการเทรดคริปโตเคอเรนซี่ รวมถึงวิธีการเลือกเหรียญและโบรกเกอร์ที่เหมาะสม ใครที่เป็นมือใหม่อยากลงทุนในคริปโตฯ อย่าพลาดบทความนี้เป็นอันขาด

รู้จักกับคริปโตเคอเรนซี่

อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า เรารู้จักดีว่าหุ้นคืออะไร ทำกำไรยังไง หรือแม้แต่ Forex ที่ดูจะงงนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ไม่ยากว่ามันคืออะไร ทีนี้เรามาทำความรู้จักกับสินทรัพย์สำหรับลงทุนในยุคดิจิทัลนี้กันดีกว่า ก่อนจะเข้าสู่การหาโบรกเกอร์หรือแอพเทรดต่อไป

คริปโตคืออะไร? แตกต่างจากเงินทั่วไปอย่างไร

  • ปกติสกุลเงินทั่วไป เรามักจะฝากมันไว้ในธนาคารที่ไหนสักแห่ง มีระบบศูนย์กลางชัดเจน มีรัฐบาลคอยควบคุมเสถียรภาพราคา แต่คริปโตเคอเรนซี่หรือสกุลเงินดิจิทัลนั้น ไม่มีคุณสมบัติที่พูดมาเลย
  • คริปโตเคอเรนซี่หรือสกุลเงินดิจิทัล คือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้ระบบการเข้ารหัส (cryptography) เพื่อรักษาความปลอดภัย พูดให้เข้าใจก็คือ ธนาคารมีรปภ. คริปโตฯก็มีระบบการเข้ารหัส เป็นการป้องกันความปลอดภัย
  • ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่ทำงานบนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ (decentralized) ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวบันทึกข้อมูลที่ได้รับการยืนยันโดยคอมพิวเตอร์จำนวนมากทั่วโลก
  • แล้วบล็อกเชนคืออะไร? ทำงานยังไง?
  • บล็อกเชนก็คือระบบเทคโนโลยีสำหรับการเก็บข้อมูลรูปแบบหนึ่ง ที่มีความปลอดภัย เพราะข้อมูลที่เราต้องเก็บรักษานั้นไม่ได้เก็บอยู่ในที่เดียว แต่กระจายไปยังคอมพิวเตอร์จำนวนมากทั่วโลก ทำให้ยากที่จะแฮ็กหรือควบคุม
  • บล็อกเชนเปรียบเสมือนหนังสือบันทึกที่ทุกคนสามารถอ่านได้ แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ โดยแต่ละหน้าในหนังสือเล่มนี้เรียกว่า บล็อก (Block) ซึ่งแต่ละบล็อกจะเชื่อมต่อกันเป็นโซ่ยาว (Chain) โดยมีรหัสลับ (Hash) เป็นตัวเชื่อมโยง
  • การทำงานของบล็อกเชนก็คือ เมื่อมีข้อมูลใหม่บันทึกเข้ามา เช่น การทำธุรกรรมเงินดิจิทัล ข้อมูลนั้นจะถูกใส่ลงในบล็อกใหม่
  • บล็อกใหม่นี้จะได้รับรหัสลับเฉพาะตัว (Hash) ซึ่งรหัสลับของบล็อกใหม่จะถูกเชื่อมโยงกับรหัสลับของบล็อกก่อนหน้า ทำให้บล็อกทั้งหมดเชื่อมต่อกันเป็นโซ่
  • ถ้ามีใครพยายามแก้ไขข้อมูลในบล็อกใดบล็อกหนึ่ง รหัสลับของบล็อกนั้นและบล็อกต่อๆ ไปทั้งหมดจะเปลี่ยนไปทันที ทำให้ระบบตรวจพบความผิดปกติได้ง่าย
  • ด้วยความซับซ้อนและปลอดภัยในการเก็บข้อมูลของบล็อกเชน มันจึงส่งผลให้คริปโตเคอเรนซี่ใดก็ตามที่ใช้บล็อกเชน จะมีมูลค่าโดยไม่ผ่านคนกลางมาควบคุมมูลค่าของมัน
  • มูลค่าของเหรียญจึงเกิดขึ้นจากผู้คนหลายคนเห็นพ้องตรงกันเพราะไม่มีใครสามารถเข้ามาควบคุมเหรียญคริปโตได้ง่ายๆ เหมือนสกุลเงิน ที่มีข่าวปัจจัยที่ส่งผล ราคาก็จะเปลี่ยนตาม

คริปโตคืออะไร?

Blockchain คืออะไร? ทำงานยังไง?

แนวโน้มการเติบโตของคริปโตเคอเรนซี่ในอนาคต

  • เรารู้จักกับคริปโตเคอเรนซี่กันไปแล้ว รู้แล้วว่ามันต่างจากสกุลเงินทั่วไปยังไง ทีนี้ ทีมงานขั้นเทพแอบไปเห็นข้อมูลเด็ดๆ จากนิตยสาร Forbes เกี่ยวกับแนวโน้มของ คริปโตเคอเรนซี่ในปี 2024 นี้!
  • ปัจจุบันนี้ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ crypto รวมกันแล้วเกิน 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย BitCoin คือเหรียญที่ทำสถิติสูงสุด ราคาแตะ 73,750 ดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าตลาดรวม 1.44 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2024
  • ในปี 2025 คาดว่าจะมีจํานวนผู้ใช้ในตลาดสกุลเงินดิจิทัลสูงถึง 107.30 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันกระแสคริปโตเคอเรนซี่นั้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศอินเดียเพราะมีจำนวนผู้ลงทุนในบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ เพิ่มขึ้น 300% ระหว่างมิถุนายน 2023 ถึง มกราคม 2024
  • สถิติและแนวโน้มเหล่านี้ มันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคริปโตเคอเรนซี่นั้นเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ยุคใหม่ที่คนทั่วโลกกำลังสนใจลงทุนและยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้เราก็ต้องพิจารณาเจาะลึกไปทีละเหรียญว่าเหรียญใดจะมีโอกาสสูง ซึ่งเราจะคุยประเด็นนี้กันในหัวข้อต่อไป

โบรกเกอร์ไหนน่าใช้สำหรับคริปโต ?

สำหรับการเทรดคริปโตฯ นั้นบางคนอาจจะเรียกว่าโบรกเกออร์ แอพพลิเคชั่น หรือเว็บเทรด แต่ทั้งหมดก็มีคุณสมบัติแบบเดียวกันคือการรองรับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลจากทั่วโลก ประเด็นสำคัญคือว่าเรามีมาตรฐานยังไงในการเลือกใช้บริการโบรกเกอร์(ที่เรียกกันต่างๆ) สำหรับซื้อขายคริปโตฯ

ปัจจัยสำคัญในการเลือกแพลตฟอร์มเทรดคริปโตฯ

  • ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
  • เชื่อว่านี่น่าจะเป็นปัจจัยแรกๆ ที่นักลงทุนในคริปโตฯ จะพิจารณาโบรกเกอร์ที่ตัวเองกำลังจะเลือกใช้
  • แพลตฟอร์มสำหรับเทรดคริปโตฯ นั้นควรจะเป็นแพลตฟอร์มที่มีความปลอดภัย+มีความน่าเชื่อถือ สิ่งเหล่านี้เราอาจจะพิจารณาจากระบบของเว็บไซต์หรือแอพฯ นั้น เช่น มีการยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน (2FA) และการจัดเก็บเหรียญในรูปแบบ Cold Wallet
  • อีกมุมหนึ่งคือข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานที่คุ้มครองหรือกำกับดูแลของบริษัท ว่ามีใบอนุญาตหรือหน่วยงานควบคุมหรือไม่
  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย
  • นักลงทุนคริปโตฯ ไม่ควรมองข้ามในเรื่องของค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย เพราะมันมีส่วนต่อยอดเงินของเรา
  • โบรกเกอร์/แอพเทรด/เว็บเทรด ควรจะมีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม โดยเฉลี่ยแล้วแพลตฟอร์มเทรดคริปโตฯ จะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ประมาณ 0.1-0.25 %
  • จำนวนคู่สกุลเงิน
  • แพลตฟอร์มเทรดที่น่าสนใจ มักจะมีจำนวนเหรียญหรือสกุลเงินให้เลือกเทรดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหรียญยอดนิยมอย่าง Bitcoin , Etherium หรือเหรียญแปลกใหม่ก็ตาม
  • เพราะแพลตฟอร์มที่มีเหรียญให้เลือกใช้งานเยอะ ย่อมหมายถึงมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายกว่า
  • ความง่ายในการใช้งาน
  • หากใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่อง UX/UI จะเข้าใจดีว่าการที่อินเทอร์เฟซของแพลตฟอร์มหนึ่ง ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งาน ใช้งานได้ง่ายและสะดวกนั้นมันส่งผลดีแค่ไหน
  • เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มเทรดคริปโตฯ ถ้าแพลตฟอร์มมีอินเทอร์เฟซ มีการออกแบบในการใช้งานที่ง่ายแล้ว ย่อมมีผลต่อการเทรดของนักลงทุนแน่นอน
  • การบริการลูกค้า
  • เรื่องบริการเชื่อว่าหลายคนคงเข้าใจกันดีว่า บริการที่มีคุณภาพนั้นเป็นอย่างไร ทั้งเรื่องของความเต็มใจที่จะช่วยเหลือ ไหวพริบต่อการช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ที่เรามองข้ามไม่ได้ แพลตฟอร์มไหนมีการบริการลูกค้าที่มีคุณภาพแพลตฟอร์มนั้นก็น่าใช้งานไม่น้อย

ปัจจัยการเลือกใช้โบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์ม

ปัจจัยการเลือกใช้โบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์ม

โบรกเกอร์ยอดนิยมในไทยและต่างประเทศ

OKX : ตัวท็อปเรื่องความหลากหลายและค่าธรรมเนียมถูก

  • OKX ขึ้นชื่อในเรื่องของการมีเหรียญให้เลือกซื้อขายมากกว่า 340 เหรียญคริปโต นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้หลากหลาย
  • อีกหนึ่งอย่างที่เป็นเรื่องดีแก่ยักลงทุนคือ OKX มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำเพียง 0.1%
  • OKX ยังมีฟีเจอร์ที่เอื้ออำนวยต่อนักลงทุนอย่าง การฝากเงินเพื่อรับดอกเบี้ย การกู้ยืม และการเทรดแบบต่างๆ
  • อินเทอร์เฟซของ OKX ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และนักลงทุนที่มีประสบการณ์
  • OKX มีรายการเหรียญคริปโตที่มีการเคลื่อนไหวสูง ฟีเจอร์เหรียญคริปโตมาใหม่และ altcoins ที่น่าสนใจหลายๆ เหรียญ
  • OKX ไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ เท่านั้นแต่ยังมีบริการ staking เพื่อรับผลตอบแทนสูงถึง 12% ต่อปี

Crypto.com : ซื้อขายคริปโตฯ เป็นเรื่องง่าย

  • จุดเด่นของ Crypto.com คือสามารถซื้อขายคริปโตได้หลากหลายชนิดกว่า 250 ชนิด โดยเฉพาะการซื้อขายด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิต ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมและสะดวกที่สุด
  • บัตรเครดิต/เดบิตที่ว่านี้ ก็คือบัตรทั่วไปอย่าง Visa/Master Card รวมถึงทาง Crypto.com จะมีบัตรเดบิตเฉพาะในการซื้อขายคริปโตมอบให้นักลงทุนอีกด้วย
  • ซึ่งบัตรเดบิตที่ทาง Crypto.com มอบให้ก็จะรองรับสิทธิประโยชน์มากมายเช่น การแจกรางวัลจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตหรือจากการถือครองโทเค็น CRO ซึ่งเป็นโทเค็นจาก Crypto.com เอง
  • ค่าธรรมเนียมของ Crypto.com จะอยู่ที่ 0.4% และนักลงทุนสามารถฝากเหรียญที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อรับดอกเบี้ยได้ เหมือนกับฝากเงินในธนาคาร

BitKub : แอปคริปโตฯ สำหรับคนไทย

  • Bitkub เป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ก่อตั้งโดยคนไทย ดังนั้นจึงเป็นแพลตฟอร์มที่รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบเพื่อความสะดวกต่อผู้ใช้งานที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ
  • จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้ก็ออกแบบเพื่อนักลงทุนชาวไทย เพราะเราสามารถเทรดด้วยเงินบาทไม่จำเป็นต้องแปลงสกุลเงินให้เสียเวลา
  • Bitkub มีรายการเหรียญคริปโตให้เลือกลงทุนกว่า 50+ รายการ แม้ว่าเทียบกับแพลตฟอร์มต่างประเทศอาจจะมีจำนวนต่างกันมาก แต่เหรียญที่อยู่ใน Bitkub ล้วนเป็นเหรียญยอดนิยมทั้งสิ้น
  • นักลงทุนไทยสามารถเริ่มต้นลงทุนซื้อเหรียญดิจิทัลได้ด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 10 บาท นับว่าเป็นฟังก์ชั่นที่ออกแบบมาเพื่อคนไทยอย่างแท้จริง

Binance : แชมป์เรื่องจำนวนเหรียญและฟีเจอร์ที่หลากหลาย

  • หากนักลงทุนต้องการแพลตฟอร์มทีมีจำนวนเหรียญคริปโตมากมาย ก็คงต้องยกให้ Binance แพลตฟอร์มเทรดคริปโตฯ ระดับโลกขึ้นชื่อเรื่องจำนวนเหรียญมากกว่า 500+ สกุลเงินคริปโต
  • ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายกับ Binance อยู่ที่ 0.1% และไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากเงินแต่มีค่าธรรมเนียมในการถอน
  • นักลงทุนสามารถเพิ่มเหรียญคริปโตของตนเองได้ผ่านฟีเจอร์ต่าง ๆ ในส่วนของ Earn เช่น Staking, บัญชีออมทรัพย์, Liquidity Farming และ Launchpad สำหรับเหรียญใหม่
  • Binance มีเครื่องมือซื้อขายที่หลากหลาย เช่น การซื้อขายแบบ Margin, Futures, Options และ Fan Tokens สิ่งเหล่านี้ตอบโจย์นักลงทุนทุกๆ ประเภท เพราะความต้องการซื้อขายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน
  • Binance เองมีตลาด NFT อยู่ภายในแอพฯ ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ได้ผ่าน Binance ซึ่ง NFT ทีมงานก็ได้ฮิบายไว้ด้านบนแล้ว

Coinbase : มือใหม่ มืออาชีพ ก็ใช้งานได้คุ้มค่า

  • Coinbase รองรับการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีมากกว่า 150 เหรียญคริปโต และยังออกแบบมาเพื่อรองรับนักลงทุนทั้งมือใหม่และมือเก๋ษประสบการณ์
  • นักลงทุนสามารถเริ่มต้นซื้อขายคริปโตฯ ด้วยเงินเพียง 2$ แต่ทั้งนี้ Coinbase มีเงื่อนไขการฝากขั้นต่ำ อยู่ที่ 50$
  • จากรีวิวและความคิดเห็นของผู้ใช้งานส่วนใหญ่มองว่า Coinbase ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้และเงินทุน มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ
  • Coinbase มีฟีเจอร์ Dollar-Cost Averaging หรือ การถัวเฉลี่ยต้นทุนช่วยให้ผู้เริ่มต้นสามารถลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ และยังมีบทความและวิดีโอที่อธิบายเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีอย่างละเอียด
  • ฟีเจอร์อื่นๆ ที่มีบริการใน Coinbase เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล ตลาด NFT และการ์ดสำหรับใช้จ่ายคริปโต

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตัวอย่างของแพลตฟอร์มเทรดคริปโตฯ ที่นิยมและมีชื่อเสียงทั้งไทยและต่างประเทศ ยังมีอีกหลายแอพ หลายเว็บไซต์ หลายค่ายที่เรายังไม่ได้นำเสนอ ซึ่งจะมีการเจาะรายละเอียดในเนื้อหานี้ต่อไป

วิธีการซื้อขายคริปโตเบื้องต้น

  • ในขั้นตอนของการซื้อขายคริปโตฯ นั้นเชื่อไหมว่าเป็นขั้นตอนที่เข้าใจได้ง่ายที่สุด หากเปรียบเทียบแล้วแทบไม่ต่างจากการซื้อขายหุ้นเลย แต่สิ่งที่ยสกยากคือเราจะเลือกซื้อเหรียญตัวไหนต่างหาก
  • ขั้นตอนในการซื้อขายคริปโตในเบื้องต้นนั้น เริ่มต้นเราต้องมีบัญชีซื้อขายของแพลตฟอร์มสำหรับเทรดคริปโตฯ อย่างพวก…
  • Binance
  • Bitkub
  • OKX
  • Coinbase
  • ซึ่งการสมัคร กรอกข้อมูลและยืนยันตัวตนก็เป็นขั้นตอนที่นักลงทุนต้องทำตามกฎระเบียบ เงื่อนไขของแต่ละแพลตฟออร์มให้ถูกต้องเพื่อเปิดบัญชีได้สำเร็จ
  • จากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการฝากเงินเข้าสู่บัญชี ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็มีช่องทางในการฝากเงินเข้าสู่บัญชีแตกต่างกันไป เช่น
  • ฝากเงินผ่านธนาคารโดยตรง เช่น Bitkub
  • ฝากผ่านบัตรเครดิต/เดบิต เช่น Crypto.com
  • ฝากเงินด้วยการซื้อคริปโตด้วยการโอนเงินสด เช่น Binance
  • เมื่อมีเงินอยู่ในบัญชีแล้ว จากนั้นก็สามารถเลือกซื้อสกุลเงินที่เราอยากจะลงทุุนได้เลย อย่าลืมที่จะดูกราฟราคาย้อนหลังหรือพิจารณาแนวโน้มของตลาด วิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อราคาเหรียญก่อนลงทุน
  • หลังจากซื้อเหรียญคริปโตมาแล้ว ทีนี้เราก็ต้องปล่อยให้ราคาดำเนินการด้วยตัวของมันเอง โดยเราสามารถเก็บเหรียญดิจิทัลที่ซื้อมาไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลของแพลตฟอร์ม หรือโอนไปเก็บไว้ในกระเป๋าเงินส่วนตัวก็ได้

แล้วการซื้อขายคริปโตแบบ CFD มันแตกต่างยังไง?

หลายคนคงยังสงสัยอยู่ว่า อ้าว..แล้วที่เห็นเทรดคริปโตฯ บนโบรกเกอร์แบบ CFD ล่ะ มันคือการเทรดแบบไหน ทำไมสามารถทำกไรได้ทั้ง 2 ทาง ทีมงานขั้นเทพขอสรุปความเข้าใจและคุณสมบัติเอาไว้ในตารางดังนี้

  • การเทรดแบบทั่วไป หรือ Exchange คือ นักลงทุนซื้อเหรียญคริปโตเคอเรนซี่จริง ๆ เช่น Bitcoin หรือ Ethereum และเป็นเจ้าของเหรียญนั้น สามารถเก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล (Crypto Wallet) และทำการขายเมื่อราคาเหรียญสูงขึ้น
  • การซื้อขายคริปโตแบบ CFD (Contract for Difference) คือสัญญาซื้อขายส่วนต่าง คือเราไม่ได้เป็นเจ้าของเหรียญคริปโตจริง แต่เราทำสัญญากับโบรกเกอร์เพื่อเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเหรียญนั้น ดังนั้นจึงสามารถทำกำไรจากทั้งขาขึ้นและขาลงได้
คุณสมบัติ การเทรด แบบ CFD การเทรดแบบ Exchange
การเป็นเจ้าของ ไม่ได้เป็นเจ้าของเหรียญจริงๆ เป็นเจ้าของเหรียญจริง
ความเสี่ยง สูง (จากเลเวอเรจที่โบรกเกอร์เสนอ) ถือว่ายังสูง (เนื่องจากกฎหมายไม่ชัดเจน)
โอกาสทำกำไร ทั้งขาขึ้นและขาลง ขาขึ้นเท่านั้น
ต้นทุน ต่ำ (ค่าธรรมเนียม Swap) สูง (ค่าธรรมเนียมซื้อขาย, ฝาก-ถอน)
ความสะดวก สูง ต่ำ
ความปลอดภัยของเงินทุน สูง (หากเลือกโบรกเกอร์ดี) สูง (หากเลือกแอพเทรดดี)
เหมาะสำหรับ นักเทรดระยะสั้น, นักลงทุนที่ต้องการใช้เลเวอเรจ , เน้นทำกำไรรวดเร็ว นักลงทุนระยะยาว, ผู้ที่ต้องการถือครองคริปโตฯ

ตารางเปรียบเทียบการเทรดคริปโตแบบ CFD และ Exchange

เหรียญไหนบ้าง? ที่มีโอกาสเติบโตสูง

อย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่าการซื้อขายคริปโตฯ นั้นไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรซื้อขายคริปโตตัวไหนดี และนี้ก็จะเป็นปัจจัยพื้นในการเลือกเหรียญที่มีโอกาศเติบโตในอนาคต

วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของเหรียญคริปโตฯ

  • ถ้าหากได้อ่านบทความเกี่ยวกับการเทรดหุ้น การเทรด Forex จะรู้ว่าปัจจัยพื้นฐานคือปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อมูลค่าแท้จริงของสินทรัพย์ ซึ่งสำหรับคริปโตเคอเรนซี่ ก็จะใช้ปัจจัยที่แตกต่างจากหุ้นหรือ Forex
  • ตัวอย่างปัจจัยพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์เหรียญคริปโตฯ มีดังนี้
  • Whitepaper : เอกสารที่อธิบายเทคโนโลยี เป้าหมาย และการใช้งานของคริปโตเคอร์เรนซี เป็นเหมือนเอกสารไกด์ไลน์ให้นักลงทุนรู้จักเหรียญนั้นๆ มากขึ้น
  • ทีมพัฒนา : ปัจจัยของบุคลากรเบื้องหลังในการพัฒนาเหรียญ ทั้งประสบการณ์ ความสามารถ และประวัติของทีมผู้พัฒนา
  • ตลาดเป้าหมาย : กลุ่มลูกค้าที่คริปโตเคอเรนซีต้องการตอบสนองและขนาดของตลาดนั้น รวมถึงระดับการแข่งขันของตลาด
  • จำนวนนักพัฒนา : จำนวนผู้ร่วมพัฒนาโครงการบ่งบอกถึงความสนใจและความเติบโตของเหรียญได้ไม่น้อย
  • ข่าวสารและความคิดเห็น : ข่าวสารและความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตเตอเรนซีและการลงทุน เป็นเหมือนกระบอกเสียงสำคัญต่อการเลือกลงทุนของผู้คน
  • ปัจจัยพื้นฐานที่กล่าวมาเป็นเพียงปัจจัยเบื้องต้น หากนักลงทุนศึกษาลึกลงไปอีกจะพบว่าแจจัยเหล่านั้นสามารถแตกแยกย่อยออกไปได้อีก เช่น
  • ด้านเทคโนโลยีของเหรียญ : เช่น บล็อกเชน เทคโนโลยีที่แสดงออกถึงนวัตกรรม
  • ด้านทีมพัฒนา : บุคลากรมีการอัปเดตและพัฒนาคริปโตฯ อย่างต่อเนื่องหรือไม่
  • ด้านการใช้งาน : ตลาดเป้าหมายของเหรียญนั้นมีขนาดใหญ่และมีความต้องการมากน้อยเพียงใด

เหรียญที่น่าลงทุนและมีโอกาสเติบโตในอนาคต

ในโลกของคริปโตฯ นั้นมีจำนวนเหรียญดิจิทัลเกิดขึ้นใหม่มากมาย ไม่เว้นแต่ละวัน แต่เหรียญบ้างที่น่าลงทุน เหรียญไหนบ้างที่มีแนวโน้นเติบโตในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเหรียญใหม่หรือเหรียญทีอยู่มานาน เราจะพิจารณาจาก มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมูลค่ารวมของเหรียญทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่ในปัจจุบัน

Bitcoin – BTC

  • บิตคอยน์เป็นคริปโตเคอร์เรนซีแรกและมีชื่อเสียงที่สุด ได้ฉายาว่า “ราชาแห่งคริปโต”
  • จุดที่ทำให้บิทคอยน์น่าสนใจก็คือการใช้ระบบบล็อกเชนเพื่อรักษาความปลอดภัยและป้องกันการฉ้อโกง
  • แม้ว่าที่ผ่านมาเราจะได้ยินข่าวด้านลบของบิทคอยน์อยู่เสมอ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเชื่อมั่นในการถือครองลดลงไปมาก
  • บิทคอยน์ราคาเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เปิดตัว โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 11,690% ภายในระยะเวลา 8 ปี
  • ปัจจุบันบิทคอยน์มีมูลค่าตามราคาตลาด 1.16 T USD และมีปริมาณการซื้อขาย 19.43 B USD

Ethereum – ETH

  • อีเธอเรียมนั้นไม่เพียงเป็นคริปโตเคอเรนซี แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApps) และสัญญาอัจฉริยะ
  • อีเธอเรียมมีอัตราการเติบโตสูงถึง 23,900% นับตั้งแต่เปิดตัว ซึ่งเหรียญนี้เป็นที่นิยมของนักพัฒนาโปรแกรมเนื่องจากความสามารถในการสร้างแอปพลิเคชันต่างๆ
  • ปัจจุบันอีเธอเรียมมีมูลค่าตามราคาตลาด 316.78 B USD และมีปริมาณการซื้อขาย 9.94 B USD

Solana – SOL

  • เป็นอีกหนึ่งเหรียญที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เน้นความเร็วในการทำธุรกรรมและค่าธรรมเนียมต่ำ สามารถประมวลผลธุรกรรมได้จำนวนมากต่อวินาที
  • แนวโน้มในอนาคตของโซลานามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากความต้องการในการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
  • ในบางครั้งโซลานาคยประสบปัญหาทางเทคนิคบางอย่างที่ส่งผลต่อระบบ ซึ่งส่งผลต่อราคาของ SOL ทันที ซึ่งหากสามารถแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้ ราคาของ Solana มีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก
  • ปัจจุบันโซลานามีมูลค่าตามราคาตลาด 66.56 B USD และมีปริมาณการซื้อขาย 1.94 B USD

Avalanche – AVAX

  • นอกจากการประมวลผลธุรกรรมที่รวดเร็วด้วยบล็อกเชนแล้ว Avalanche ยังสามารถสร้างบล็อกเชนย่อย (subnets) เพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างกัน
  • Avalanche มุ่งเน้นไปที่โซลูชันบล็อกเชนที่มีประสิทธิภาพสูงและขยายตัวได้ จนถูกนำไปใช้โดยโปรเจกต์จำนวนมากที่ต้องการแพลตฟอร์มกระจายศูนย์ที่แข็งแกร่ง
  • Avalanche มีกลไกการควบคุมปริมาณโทเค็นที่น่าสนใจ โดยมีการออกแบบให้มีจำนวนโทเค็น AVAX สูงสุดเพียง 720 ล้านเหรียญ
  • นอกจากนี้ยังมีระบบการทำลายโทเค็นจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ซึ่งจะช่วยลดปริมาณโทเค็นที่หมุนเวียนอยู่และอาจส่งผลให้ราคาของโทเค็น AVAX เพิ่มขึ้นในระยะยาวซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดหากปริมาณสูงความต้องการก็จะต่ำ ปริมาณต่ำความต้องการก็จะสูง
  • Avalanche มีศักยภาพสูงในการเติบโต โดยเฉพาะในด้านเกมและโซลูชันบล็อกเชนสำหรับองค์กร
  • แม้ว่าบางครั้ง AVAX จะเจอกับความกดดันการการเทขาย แต่ภาพรวมระยะยาวมองว่า AVAX สามารถฟื้นตัวได้ด้วยศักยภาพของแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบาลอย่าง California DMV

Chainlink – LINK

  • Chainlink (LINK) เป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่มีสภาพคล่อง สามารถซื้อขายได้บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตหลักๆ
  • แม้ว่าราคา LINK จะเติบโตมากขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงอยู่ที่ประมาณ 25% ของราคาสูงสุดในปี 2021 ซึ่งนับเป็น all time high
  • แต่มุมมองในอนาคต Chainlink มีบทบาทสำคัญในฐานะโครงสร้างพื้นฐานของ web 3.0 การเติบโตของตลาดคริปโตโดยรวมจะส่งผลดีต่อ Chainlink เนื่องจากความต้องการบริการของ Chainlink จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
  • สิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับ LINK คือการ ไม่มีกำหนดจำนวนโทเค็นสูงสุด ซึ่งอาจเป็นประเด็นที่กังวลเกี่ยวกับมูลค่าระยะยาว
  • ปัจจุบัน Chainlink มีมูลค่าตามราคาตลาด 6.17 B USD และมีปริมาณการซื้อขาย 163.69 M USD

เหรียญที่น่าลงทุนและมีโอกาสเติบโต

เหรียญที่น่าลงทุนและมีโอกาสเติบโต

สรุป

ก่อนจะจากกันไปเชื่อว่าใครที่กำลังอยากลงทุนเทรดคริปโตเคอเรนซี่อยู่ น่าจะเข้าใจแก่นแท้และรายละเอียดของโลกคิปโตได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างระหว่างสกุลเงินดิจิทัลและสกุลเงินจริง แนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์นี้ การมองหาแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายดีๆ สักแห่ง การเทรดคริปโตเบื้องต้นที่หลายคนยังแยกไม่ออกระหว่างการเทรดแบบทั่วไปและแบบ CFD รวมไปถึงการวิเคราะห์แนวโน้มเหรียญที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต สิ่งเหล่านี้น่าจะพอเป็นแนวทางให้นักลงทุนมือใหม่ได้เริ่มต้นลงทุนในคริปโตได้ง่ายขึ้นบ้าง และหวังว่าเหรียญที่เราลงทุนไปจะสร้างผลตอบแทนกลับมาอย่างมหาศาล