ไบนารี่ออฟชั่น คืออะไร
- เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ประเภท คู่สกุลเงิน, หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ รวมไปถึงสกุลเงินดิจิทัล
- เป็นการทายผลว่า ราคาสินทรัพย์ที่เลือกลงทุนนั้นจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคา ณ จุดที่เปิดสถานะ ภายในกรอบระยะเวลาที่เทรดเดอร์เลือกลงทุน เช่น 1 นาที, 2 นาที หรือ 15 นาที เป็นต้น
- การทายผลว่าราคาสินทรัพย์ที่เลือกลงทุน ณ จุดที่เปิดสถานะมีราคาสูงกว่าราคาปิดสถานะ ในกรอบเวลาที่เลือก ให้คลิกปุ่ม ขึ้น หรือเรียกว่า ออปชันขาขึ้น คอลออปชัน (Call Option)
- การทายผลว่าราคาสินทรัพย์ที่เลือกลงทุน ณ จุดที่เปิดสถานะมีราคาต่ำกว่าราคาปิดสถานะ ในกรอบเวลาที่เลือก ให้คลิกปุ่ม ลง หรือเรียกว่า พุทออปชัน (Put Option)
- ผลตอบแทนที่ได้จะถูกจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ตามจำนวนเงินที่เทรดเดอร์ลงทุน แต่หากทายผิดจะต้องเสียเงินทุนที่ลงทุนไปทั้งหมด ดังนั้นผลตอบแทนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุนนั่นเอง
- เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนมีตั้งแต่ 10-95%
- ตัวอย่าง: เทรด Binary Option คู่สกุลเงิน EUR/USD ทายว่าอีก 1 นาทีข้างหน้าราคาสินทรัพย์จะมีราคาสูงกว่าราคาในปัจจุบัน คลิกปุ่ม “ขึ้น” เพื่อเปิดสถานะ โดยวางเงินทุน 30 ดอลลาร์ ผลตอบแทนการเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD อยู่ที่ 85% ของเงินลงทุน
- ทายผลถูก: ณ จุดเปิดสถานะราคาคู่สกุลเงิน EUR/USD อยู่ที่ 1.10220 โดยทายว่า ราคาปิดสถานะที่ 1 นาทีมีราคาสูงกว่าจุดเปิดสถานะ ผลที่เกิดขึ้นคือ ทายผลถูก เมื่อครบ 1 นาทีราคาปิดสถานะที่ 1.10224 กำไรที่ได้เท่ากับ 25.50 (0.85*30) ดอลลาร์บวกกับอีกเงินทุน 30 ดอลลาร์
- ทายผลผิด: ณ จุดเปิดสถานะราคาคู่สกุลเงิน EUR/USD อยู่ที่ 1.10220 โดยทายว่า ราคาปิดสถานะที่ 1 นาทีจะมีราคาสูงกว่าจุดที่เปิดสถานะ หากผลที่เกิดขึ้นคือ ทายผลผิด เมื่อครบ 1 นาทีราคาปิดสถานะต่ำกว่า 1.10220 จะเสียเงินทุนไปทันทีทั้งหมด 30 ดอลลาร์
ตัวอย่าง การเทรด Binary Option โดยมีการทายหรือคาดการณ์ว่าในอีก 1 นาทีข้างหน้า ราคาคู่สกุลเงิน EUR/USD จะมีราคาสูงกว่า จึงเปิดสถานะด้วยการกดปุ่ม ขึ้น ผลปรากฏว่าเมื่อกราฟเคลื่อนไหวผ่านไป 1 นาที ราคาสถานะปิดสูงกว่าราคาสถานะเปิด เป็นการทายผลถูก กำไรที่ได้เท่ากับ 25.50 (0.85*30) ดอลลาร์บวกกับอีกเงินทุน 30 ดอลลาร์
ข้อดี ข้อเสีย ข้อควรระวัง
ตารางเปรียบ ข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวังในการเทรด Binary Option
ข้อดี | ข้อเสีย | ข้อควรระวัง |
---|---|---|
1. เทรดง่าย | กำไรจำกัด | ถอนเงินไม่ได้ |
2. มีสินทรัพย์หลากหลาย | ผันผวนสูง | เริ่มจากบัญชีทดลอง |
3. รู้ทุนและกำไรแน่นอน | กลต.ไม่รับรอง | ใช้ทุนให้น้อย |
4. เน้นเทรดระยะสั้น | เสี่ยงสูง | กำกับดูแลที่ไม่เข้มงวด |
5. ต้นทุนต่ำ | มีค่าใช้จ่าย | ยอมรับความเสี่ยง |
6. สะดวกทุกแพลตฟอร์ม | มีความรู้ | |
7. มีบัญชีทดลอง | เครื่องมือน้อย |
ข้อดี
- เทรดง่าย: มีรูปแบบการเทรดที่เข้าใจได้ง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น
- มีสินทรัพย์หลากหลาย: มีรายการสินทรัพย์ให้เลือกเทรดหลากหลายมากกว่า 100 รายการ เช่น คู่สกุลเงิน, สกุลเงินดิจิทัล, สินค้าโภคภัณฑ์, ดัชนี หรือ หุ้น เป็นต้น
- รู้ทุนและกำไรแน่นอน: ทราบผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แน่นอน
- เน้นเทรดระยะสั้น: เป็นการลงทุนที่เหมาะกับการเทรดระยะสั้นมีกรอบระยะเวลาให้เลือกหลายกรอบตั้งแต่ 5 วินาทีไปจนถึง 1 เดือน
- ต้นทุนต่ำ: เริ่มต้นที่ 30 บาท และฝากขั้นต่ำที่ 350 บาท สายทุนน้อยก็เริ่มต้นลงทุนได้
- สะดวก: เทรดสะดวกบนเว็บไซต์ไม่จำเป็นต้องมีตั้งโปรแกรมใด ๆ รองรับทุกอุปกรณ์
- มีบัญชีทดลอง: เปิดบัญชีเทรดง่ายใช้เพียงแค่อีเมล การยืนยันตัวตนใช้เพียงรูปบัตรประชาชนเท่านั้น และมีบัญชีทดลองช่วยให้เริ่มต้นได้ง่าย
ข้อเสีย
- กำไรจำกัด: กำไรถูกจำกัดด้วยเปอร์เซ็นต์ของผลตอบแทนและเงินทุนที่ใช้ลงทุน
- ผันผวนสูง: ยิ่งกราฟมีความผันผวนสูง ได้เปอร์เซ็นต์สูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน
- กลต.ไม่รับรอง: หลายโบรกเกอร์ถูกแบนจากหลายประเทศและในประเทศไทยยังไม่มีโบรกเกอร์เทรด Binary Option ได้รับการรับรองจากกลต. และถูกมองว่าเป็นการพนันอยู่เสมอ
- เสี่ยงสูง: มีความเสี่ยงสูง หากคาดการณ์ทิศทางของราคาผิดจะทำให้เสียเงินทุนที่ลงไปทั้งหมดในคราวเดียว
- มีค่าใช้จ่าย: บางโบรกเกอร์มีค่าธรรมเนียมในการถอน หรือบางโบรกเกอร์ที่รับเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินดอลลาร์กับเงินบาท
- มีความรู้: ต้องมีความรู้ในการใช้เครื่องมือและกลยุทธ์ในการเทรด
- เครื่องมือน้อย: เครื่องมือในการวิเคราะห์ทางเทคนิคบางโบรกเกอร์มีให้เลือกใช้งานค่อนข้างน้อย
ข้อควรระวัง
- ถอนเงินไม่ได้: เลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับความนิยม เนื่องจากมีบางโบรกเกอร์ได้ใบอนุญาตจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือแต่ก็ไม่สามารถถอนเงินได้
- เริ่มจากบัญชีทดลอง: ไม่แนะนำให้เริ่มต้นเทรดด้วยเงินจริงทันที เนื่องจากเป็นรูปแบบการลงทุนที่เสียเงินได้ง่าย ควรเริ่มต้นจากบัญชีทดลองก่อน
- ใช้ทุนให้น้อย: ไม่แนะนำให้เทรดด้วยเงินจริงในปริมาณที่เยอะ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะถอนเงินไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือก็ตาม ควรเทรดทีละน้อยและถอนเงินในปริมาณที่น้อย
- กำกับดูแลที่ไม่เข้มงวด: ควรศึกษาเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ดีเนื่องจากโบรกเกอร์ที่ให้บริการอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่ไม่เข้มงวด
- ยอมรับความเสี่ยง: ทุกการลงทุนเทรดเดอร์ต้องยอมรับได้ว่าเงินที่ทุนนั้นเป็นเงินที่พร้อมจะสูญเสียตามความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
เรื่องที่สำคัญต้องรู้ ก่อนเข้ามาเทรด
- โบรกเกอร์ที่ให้บริการเทรด Binary Option ไม่ได้รับการรับรองและกำกับดูแลจากหน่วยงานในเมืองไทย
- เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมากจากตัวอย่างจะพบว่า หากทายผลผิดจะเสียเงินลงทุนไปทั้งหมดทันที
- มีความรู้ความเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การเทรดได้กำไรนำเงินเข้าประเทศไทยต้องมีการเสียภาษีตามกฎหมาย และศึกษากฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่โบรกเกอร์กำหนดให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถอนเงินไม่ได้
- เลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับความนิยมในเมืองไทย เช่น IQ Option, Olymp Trade, Quotex หรือ Pocket Option เป็นต้น และติดต่อเจ้าหน้าที่ขอความช่วยเหลือได้สะดวก
- การเทรด Binary Option โดยไม่มีความรู้มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเสียเงินทุนได้ง่าย ๆ
- เริ่มต้นฝึกฝนด้วยบัญชีทดลอง และเริ่มต้นเทรดด้วยเงินปริมาณน้อยก่อน เพื่อฝึกฝนการวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิค ที่สำคัญช่วยฝึกฝนอารมณ์โลภ และกลัว หากพอร์ตแตกบ่อยจะมีผลต่อจิตใจระยะยาวได้
- สำคัญกว่าการได้กำไร ก็คือ การรักษาเงินทุนไว้ให้นานที่สุด เพราะว่าทุนหมดก็หมดโอกาสได้กำไร
- เลือกศึกษาและเทรดเฉพาะสินทรัพย์ที่คุณมีความเข้าใจมากที่สุดหรือสนใจที่สุด หากยังไม่เคยเทรดมาก่อนแนะนำให้เริ่มต้นศึกษาคู่สกุลเงิน EURUSD หรือ USDJPY
- มีแผนการเทรดที่ชัดเจน เช่น เทรดไม่เกินวัน 3 ไม้, ยึดตามแนวทางในการเข้าเทรดที่แม่นยำ หรือ เงินทุนที่ลงทุนแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 1% ชองเงินทุนที่มีทั้งหมด
- มีศึกษาการวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิคอย่างเจาะลึก เพื่อลดความเสี่ยงในวันที่ตลาดเทรดยาก หรือเป็นแนวทางทำกำไรที่ดี
วิธีเลือกโบรกเกอร์
- เลือกโบรกเกอร์ที่มีความเชื่อถือ มีข้อสังเกตง่าย ๆ เลือกโบรกเกอร์ที่เปิดให้บริการมากกว่า 3 ปี ได้รับความนิยมจากคนไทย มีกลุ่ม Facebook คนไทย หรือได้รับการรีวิวจากยูทูบเบอร์คนไทยเสมอ
- ระบบมีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลดำเนินการที่รวดเร็ว เช่น มีการทำ KYC เพื่อยืนยันตัวตน, ข้อมูลประวัติการทำธุรกรรมหรือประวัติการเทรด รวมไปถึงการยืนยันตัวตนด้วย 2FA
- มีการสนับสนุนลูกค้าด้วยการจัดอบรมการใช้งาน และสอนการเทรดอย่างเป็นระบบ
- มีช่องทางการฝากถอนเงินที่สะดวกรวดเร็วรองรับการฝากถอนเงินผ่านธนาคารไทย เช่น ฝากเงินผ่าน QR Code หรือการถอนเงินด้วยการโอนผ่านธนาคารไทย
- มีฝ่ายสนับสนุนเป็นคนไทย ติดต่อสะดวกผ่าน Live Chat, Line ID หรือ Facebook และช่วยเหลือแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี
- มีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ อย่างเช่น FinaCom, CySEC หรือ FCA เป็นต้น
- มีคะแนนรีวิวจากผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ Trustpilot
ตารางแสดง ข้อมูลโบรกเกอร์ Binary Option ที่น่าสนใจและได้รับความนิยมจากคนไทย
โบรกเกอร์ | ใบอนุญาต/
จดทะเบียน |
ปีที่ก่อตั้ง | คะแนนรีวิว Trustpilot | จุดเด่น |
---|---|---|---|---|
IQ Option | CySEC, Antigua and Barbuda | 2013 | 3.84 คะแนน/
ผู้รีวิว 1,308 ราย |
1. เทรดขั้นต่ำ 30 บาท
2. ฝากถอนขั้นต่ำ 350 บาท 3. รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย 4. มีเจ้าหน้าที่คนไทยติดต่อได้ 24/7 5. โบรกเกอร์ยอดนิยมของคนไทย |
olymp trade | FinaCom, VFSC | 2014 | 4.0 คะแนน/
ผู้รีวิว 1,328 ราย |
1. เทรดขั้นต่ำ 35 บาท
2. ฝาก/ถอนขั้นต่ำ 700/500 บาท 3. รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย 4. มีเจ้าหน้าที่คนไทยให้บริการ 5. มีกลุ่ม Facebook สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย |
Quotex | อยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตใหม่ | 2019 | 4.3 คะแนน/
ผู้รีวิว 504 ราย |
1. เทรดขั้นต่ำ $1
2. ฝาก/ถอนขั้นต่ำ $10/$20 3. รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย 4. ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไทยให้บริการ 5. 1 ใน 3 โบรกเกอร์ยอดนิยมของคนไทย |
Deriv/ Binary.com | FinaCom, MFSA, BVIFSC, VFSC,
FSA SVG |
1999 | 4.4 คะแนน/
ผู้รีวิว 50,697 ราย |
1. เทรดขั้นต่ำ $0.35
2. ฝาก/ถอนขั้นต่ำ $5/$10 3. รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย 4. ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไทยให้บริการ มี Live Chat บริการ 24/7 5. ให้บริการมากกว่า 25 ปี |
Binarium | อยู่ระหว่างดำเนินการขอใบอนุญาตจาก CySEC | 2012 | 1.7 คะแนน/
ผู้รีวิว 21 ราย |
1. เทรดขั้นต่ำ $1
2. ฝาก/ถอนขั้นต่ำ 150/500 บาท 3. รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย 4. ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไทยให้บริการ มี Live Chat บริการ 24/7 5. ให้บริการมากกว่า 10 ปี |
Pocket Option | Mwali | 2017 | 2.8 คะแนน/
ผู้รีวิว 2,997 ราย |
1. เทรดขั้นต่ำ $1
2. ฝาก/ถอนขั้นต่ำ $5/$50 3. รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย 4. ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไทยให้บริการ 5. มี Live Chat บริการ 24/7 |
Exnova | Saint Kitts and Nevis | 2021 | 4.1 คะแนน/
ผู้รีวิว 195 ราย |
1. เทรดขั้นต่ำ 35 บาท
2. ฝาก/ถอนขั้นต่ำ 350/350 บาท 3. รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย 4. มีเจ้าหน้าที่คนไทยให้บริการ 24/7 5. แพลตฟอร์มเหมือน IQ Option |
เปิดบัญชีทดลอง
- บัญชีทดลองหรือ Demo Account เป็นบัญชีที่ทางโบรกเกอร์เปิดให้ทันทีที่เทรดเดอร์ลงทะเบียน
- วิธีการลงทะเบียนทำได้ง่าย ๆ ด้วยการกรอกอีเมลและรหัสผ่านที่ต้องการใช้เข้าสู่ระบบ
- บัญชีทดลองจะมีเงินทุนที่ทางโบรกเกอร์มอบให้ฟรีตั้งแต่ $1,000 – $10,000
- เป็นบัญชีที่เทรดเดอร์ใช้สำหรับฝึกฝนกลยุทธ์ต่าง ๆ จนชำนาญก่อนที่จะเริ่มเทรดจริง
- สามารถใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มได้เหมือนกับบัญชีจริง
- เงินในบัญชีทดลองไม่สามารถถอนออกมาเป็นเงินจริงได้
- เหมาะกับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์หรือเทรดเดอร์มือเก่าที่ต้องการฝึกฝนกลยุทธ์ใหม่ ๆ
พื้นฐานการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน
ภาพเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- เป็นการใช้ข้อมูลจากกราฟราคาที่เกิดในอดีตมาพยากรณ์หรือประเมินแนวโน้มราคา ช่วยในการตัดสินใจลงทุนในอนาคต เช่น การดูรูปแบบกราฟ หรือการดูปริมาณการซื้อขายที่เกิดขึ้นด้วย Indicators
- เป้าหมายของการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- เพื่อหาแนวโน้มราคาว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง
- แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จุดสูงสุดจุดต่ำสุดของกราฟจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
- แนวโน้มขาลง (Downtrend) จุดสูงสุดจุดต่ำสุดของกราฟจะต่ำลงเรื่อย ๆ
- ไม่มีแนวโน้ม (Sideway) ภาพรวมของราคาจะขนานไปกับแกนเวลา จุดสูงสุดจุดต่ำสุดของกราฟในช่วงเวลาที่ไม่มีแนวโน้มจะอยู่ใกล้เคียงกัน
- หาแนวรับแนวต้านเพื่อหาช่วงที่มีแรงซื้อแรงขายหนาแน่น
- จุดเข้าเทรดเมื่อเกิดราคาทะลุแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
- ราคาที่สามารถทะลุแนวต้านที่สำคัญได้แนวโน้มราคาเป็นขาขึ้น แสดงว่าแรงซื้อหนาแน่นมากกว่าแรงขาย
- ราคาที่สามารถทะลุแนวรับที่สำคัญได้แนวโน้มราคาเป็นขาลง แสดงว่าแรงขายหนาแน่นมากกว่าแรงซื้อ
- หาจุดกลับตัวของราคา หากราคาไม่สามารถทะลุแนวรับแนวต้านที่สำคัญได้มีโอกาสสูงที่ราคาจะเปลี่ยนแนวโน้ม
- เพื่อหาแนวโน้มราคาว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง
- กราฟราคาที่เทรดเดอร์ควรรู้จัก ก็คือ กราฟแท่งเทียน เป็นกราฟที่นิยมใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น Indicators (MA, RSI, MACD) หรือ Price Action เป็นต้น
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
- เป็นการวิเคราะห์แนวโน้มราคาสินทรัพย์ผ่านปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา เช่น อัตราเงินเฟ้อ, การขึ้นลงอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง ,การแข็งค่าอ่อนค่าของเงิน หรือสงคราม เป็นต้น
- ใช้ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาสินทรัพย์วิเคราะห์แนวโน้มราคาได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
- ตัวอย่าง: การวิเคราะห์แนวโน้มของราคาคู่สกุลเงิน EUR/USD จากปัจจัยพื้นฐาน
- ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา EUR/USD ก็คือ ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าของเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ เช่น การเติบโตของเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ, การจ้างงาน, การว่างงาน หรืออัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เป็นข่าวที่เทรดเดอร์ต้องติดตาม
- ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตดี, การว่างงานน้อย, การจ้างงานเยอะ, อัตราเงินเฟ้อคุมได้ ก็จะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าส่งผลให้ราคา EUR/USD ลดลง
- ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตไม่ดี, การว่างงานเยอะ, การจ้างงานน้อย, อัตราเงินเฟ้อสูง ก็จะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าส่งผลให้ราคา EUR/USD เพิ่มขึ้น
- การเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ก็จะส่งผลต่อค่าเงินสหรัฐโดยตรงเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นเศรษฐกิจ
- ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีเงินเฟ้อสูง เฟดเพิ่มดอกเบี้ยดอลลาร์แข็งค่า ราคา EUR/USD ลดลง
- ถ้าเศรษฐกิจดีเงินเฟ้อคุมได้ เฟดลดดอกเบี้ยดอลลาร์อ่อนค่า ราคา EUR/USD เพิ่มขึ้น
- ทั้งนี้ต้องมีการพิจารณาค่าเงินของยูโรร่วมด้วย ซึ่งมีข้อพิจารณาเช่นเดียวกับค่าเงินดอลลาร์ดังที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น
กลยุทธ์การเทรด
- เทรดตามเทรนด์: เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยการหาสัญญาณหรือรูปแบบราคาที่บอกแนวโน้มได้ว่ากำลังจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง Indicator ที่นิยมใช้ได้แก่ MA, RSI หรือ MACD หรือใช้แนวรับแนวต้าน
- เทรดตามข่าว: เป็นกลยุทธ์ที่ต้องเข้าใจปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ที่เลือกเทรด เช่น ข่าวประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า ราคา EUR/USD มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น
- เทรดระยะสั้น: เป็นการเทรดด้วยกรอบระยะเวลาสั้น ๆ เช่น 1-5 นาที ด้วยการใช้ Indicators อย่าง Bollinger Band เพื่อดูการกลับตัวของราคา, แนวโน้มของราคา หรือหาจุดเข้าซื้อขาย
การบริหารความเสี่ยง
- จำกัดไม้เทรดและเงินทุน: การเทรดแต่ละไม้ใช้เงินทุนไม่เกิน 1% ของเงินทุนทั้งหมด ความเสี่ยงต่อวันไม่เกิน 3% ของเงินทุนทั้งหมด เช่น มีทุน $100 เทรดได้ไม้ละ $1 และในหนึ่งวันเทรดไม่เกิน 3 ไม้
- ค้นหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำ: จุดเข้าเทรดมีความแม่นยำที่เกิดโอกาสชนะ 100% ซึ่งต้องมีการศึกษาค้นหาแผนการเทรดที่เหมาะสม และรอคอยสัญญาณจนแน่ใจจึงเข้าเทรด
- ใช้ทุนน้อย: เริ่มเทรดจากเงินจำนวนน้อย และรักษาเงินทุนไว้ให้นานที่สุด
- เทคนิค: เพิ่มทุนจากกำไรแต่คงเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงไว้เท่าเดิม มีความเสี่ยงต่ำแต่พอร์ตก็ค่อย ๆ เติบโต
- ตัวอย่าง: มีทุน $100 เทรดไม้ละ 1% ของเงินทุน เทรดวันละไม่เกิน 3% ของเงินทุน
- วันแรกมีทุน $100 เทรดไม้ละ 1% เป็นเงิน $1 ต่อไม้ เทรดชนะ 3 ไม้ ได้กำไร $3
- วันที่สองมีทุน $103 เทรดไม้ละ 1% เป็นเงิน $1.03 ต่อไม้ เทรดชนะ 3 ไม้ ได้กำไร $3.09
- วันที่สามมีทุน $106.09 เทรดไม้ละ 1% เป็นเงิน $1.06 ต่อไม้ เทรดชนะ 3 ไม้ ได้กำไร $3.18
- ตัวอย่าง: มีทุน $100 เทรดไม้ละ 1% ของเงินทุน เทรดวันละไม่เกิน 3% ของเงินทุน
- เทรดตามแผน: การเทรดตามแผนเป็นการช่วยฝึกฝนอารมณ์และควบคุมความโลภได้ดีที่สุด เพราะว่าจะไม่มีการนำอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
- Win rate สูง: ควรเลือกแผนการเทรดที่ให้ Win rate สูงที่สุดในทุกครั้ง ฝึกฝนให้เกิดสิ่งนี้อยู่เสมอแม้จะเทรดด้วยบัญชีทดลองก็ตาม เพื่อให้ได้จุดเข้าเทรดที่แม่นยำและเป็นการสร้างความมั่นใจ
- สิ่งที่สำคัญที่สุด: คือ การรู้จักจิตใจตนเอง การอยู่กับปัจจุบันและการรู้จักปล่อยวางอดีตเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่เทรดเดอร์ต้องไม่มองข้าม การไม่ปล่อยวางอดีตและพะวงกับอนาคตทำให้เกิดความกลัวจนเกิดการตัดสินใจที่พลาดได้
การพัฒนาสู่มืออาชีพ
แนวทางการพัฒนาสู่เทรดเดอร์มืออาชีพ ได้แก่ เรียนรู้ต่อเนื่อง, ฝึกฝน, แผนการเทรด, ไดอารี่เทรด และติดตามผลการเทรด
- เรียนรู้ต่อเนื่อง: ศึกษาค้นคว้าหาความรู้อย่างต่อเนื่องด้วยการแบ่งเวลาเรียนรู้แค่วันละ 15-20 นาที
- ฝึกฝน: นำความรู้หรือเทคนิคใหม่ ๆ ที่ได้นำมาปรับปรุงและฝึกฝน เพื่อเพิ่ม Win rate ที่สูงขึ้น
- แผนการเทรด: หากเป็นมือใหม่อาจจะเริ่มต้นด้วยการเลียนแบบแผนการเทรดไปก่อน แล้วนำความรู้ใหม่ที่ได้มาปรับปรุงแผนการเทรดให้เหมาะสมกับตน เน้นเลือกแผนที่มี Win rate สูงเพราะ Binary Option มีแค่แพ้กับชนะเท่านั้น
- ไดอารี่เทรด: จดบันทึกทุกครั้งที่เข้าเทรดแม้ว่าจะเป็นการทดลองเทรดก็ตามว่า ใช้กลยุทธ์อะไร, เหตุผลที่เข้าเทรด, อารมณ์ในเวลาที่เข้าเทรด และผลการเทรดที่เกิดขึ้น
- ติดตามผลการเทรด: นำผลการเทรดที่ได้บันทึกมาวิเคราะห์เพื่อแนวทางในการปรับปรุงแผนการเทรดที่เพิ่ม Win rate ให้สูงขึ้นต่อ
เคล็ดลับพิเศษจากคนเขียน
- เทรดด้วยความสบายใจ: เพราะว่าความสบายใจจะส่งผลดีต่อทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ทุนที่สบายใจที่จะลง, ความเสี่ยงที่สบายใจที่จะให้เกิดขึ้น, กำไรที่สบายใจที่จะได้ และแผนการเทรดที่สบายใจที่จะใช้
- เติบโตวันละ 1%: หากเราตั้งใจโตขึ้นวันละ 1% ผ่านไป 1 เดือนเราโตขึ้นถึง 30% ผ่านไป 1 ปีโตขึ้นถึง 365% หากรู้สึกว่ากดดันเกินไปก็เปลี่ยนเป็นสัปดาห์ละ 1% ผ่านไป 1 ปีก็โตขึ้นถึง 52%
- อารมณ์ดีคือ key สำคัญ: มุมมองเปลี่ยนโลกเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยน มองทุกปัญหาเป็นเรื่องเล็กช่วยให้ปล่อยวางได้ง่ายแล้วอารมณ์ดีก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย ความสบายใจก็จะตามมา Win rate ที่สบายใจก็จะตามเอง
- วินัย: ฝึกมองปัญหาทุกอย่างให้เล็กที่สุด ไม่ว่าปัญหานั้นจะใหญ่แค่ไหนก็ตามแล้วทางออกก็จะมาเอง
- Begin with the end in mind: ฝึกมองที่คำตอบที่ต้องการ ถามตัวเองว่าทำไมอยากได้คำตอบนี้ ถ้าได้แล้วจะรู้สึกอย่างไร อารมณ์จะเป็นอย่างไรแล้วปล่อยวาง
สรุป
การเทรด Binary Option เป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์ทั่วโลก แต่ก็เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง เทรดเดอร์ต้องให้ความสำคัญตั้งแต่การเลือกโบรกเกอร์ การใช้เครื่องมือ ไปจนถึงการบริหารความเสี่ยง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ การรู้จักตนเองจนควบคุมอารมณ์ความรู้สึกให้ชนะใจตนเองได้ ชนะตนเองได้ชนะตลาดได้แน่นอน
ให้กำลังใจคนอ่าน
เคล็ดลับที่แชร์อาจดูยากในตอนแรก แต่ขอการันตีว่าเป็นไปได้แน่นอน เพียงแค่ทำสมาธิวันละ 15 นาที และทำอย่างต่อเนื่อง คุณจะเริ่มรู้จักอารมณ์ของตนเองมากขึ้น และสามารถเลือกอารมณ์ที่ต้องการได้เอง สิ่งนี้จะช่วยให้การเทรดของคุณมีความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเทรด Binary Option เป็นเส้นทางที่ท้าทาย แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสนะ การมีสติ รู้จักตัวเอง และควบคุมอารมณ์ คือ กุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดและประสบความสำเร็จในตลาดนี้ได้
จำไว้ว่า ทุกการเทรดคือบทเรียน อย่าท้อแท้กับความผิดพลาด แต่จงเรียนรู้จากมัน และก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการเทรด Binary Option!