ฟรีแลนซ์คืออะไร?
คำนิยามแบบกว้างๆ ของอาชีพฟรีแลนซ์ ก็คือ การทำงานรับจ้างสารพัดอย่างที่ตัวเองถนัดในสายงานนั้นๆ โดยไม่มีข้อผูกมัดในระยะยาวกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง อาชีพฟรีแลนซ์จึงสามารถเลือกรับงานจากนายจ้างได้ทั่วโลกตามที่ตกลงกัน ซึ่งงานฟรีแลนซ์ก็มีหลายประเภท เช่น งานเขียน การออกแบบกราฟิก การพัฒนาเว็บไซต์ การตลาดดิจิทัล การถ่ายภาพ เป็นต้น และด้วยข้อจำกัดที่อิสระในการเลือกสถานที่และเวลาทำงาน อาชีพฟรีแลนซ์จึงเป็นหนึ่งในอาชีพหลักและอาชีพเสริมของหลายๆ คน
คำจำกัดความของฟรีแลนซ์เขียนบทความ
อย่างที่ทราบไปแล้วว่าฟรีแลนซ์คือออะไร ทีนี้ลองเจาะรายละเอียดมาอีกนิดเกี่ยวกับ ฟรีแลนซ์เขียนบทความ หรือนักเขียนบทความฟรีแลนซ์ ก็คือคนที่ทำอาชีพเขียนบทความตามเรื่องหรือหัวข้อพร้อมกับรายละเอียด ตามที่นายจ้างและนักเขียนได้ตกลงกันไว้ โดยไม่มีสัญญาผูกมัดในระยะยาว อาจจะมีเพียงสัญญาในระยะสั้นหรือชั่วคราว หรืออาจจะจ้างเป็นงานในแต่ละครั้งไป
ค้นพบศักยภาพนักเขียนในตัวคุณ
เอาล่ะ! ในเมื่อรู้จักกับอาชีพฟรีแลนซ์เขียนบทความไปแล้ว หลายคนอาจจะเกิดความสนใจในงานนี้ขึ้นมา จนเกิดเป็นคำถามมากมาย แต่ก่อนอื่นมาเริ่มต้นด้วยกับการเช็คและสำรวจตัวเองก่อนว่า ตัวเรามีคุณสมบัติหรือทัศนคติต่อการเป็นนักเขียนแค่ไหน?
คุณมีใจรักการเขียนหรือไม่?
- ก่อนที่เราจะเป็นฟรีแลนซ์เขียนบทความนั้นลองถามคำถามกับตัวเองว่า รู้สึกสนุกกับการได้เขียนอะไรก็ตามที่ตัวเองอยากเล่าหรือไม่?
- สังเกตุตัวเองว่า กิจกรรมยามว่าง งานอดิเรกของเราส่วนใหญ่ใช้ไปกับการเขียนไดอารี่ การเขียนโพสต์บนโซเชียลมีเดีย หรือเขียนบล็อกหรือไม่?
- การสังเกตตัวเองหรือตอบคำถามที่เกี่ยวกับการเขียนบทความ เป็นพื้นฐานในการสำรวจตัวเองว่าเรามีใจที่อยากจะเป็นนักเขียน ชอบการเขียนการเล่าเรื่องราวต่างๆ มากแค่ไหน
- ซึ่งการจะเป็นนักเขียนที่ดีและประสบความสำเร็จได้นั้น พื้นฐานอันดับแรกคือเราต้องมีใจรักในการเขียนและการเล่าเรื่องราวเสียก่อน ส่วนทักษะในการเขียนนั้นจะเป็นขั้นต่อไปที่เราจะพัฒนา
ทักษะการเขียนของคุณอยู่ในระดับไหน?
- การประเมินทักษะการเขียนของตนเองเป็นขั้นตอนสำคัญต่อจากการที่เรารู้แล้วว่าเรามีใจรักการเขียน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าทักษะการเขียนของเรานั้นอยู่ในระดับไหน?
- ดังนั้นเราลองมาดูวิธีการประเมินทักษะการเขียนเบื้องต้น ตามนี้
- ตรวจสอบความถูกต้องของไวยากรณ์ การใช้คำศัพท์ การสะกดคำ และเครื่องหมายวรรคตอน
- ตรวจสอบโครงสร้างบทความ(Outline) การจัดเรียงย่อหน้า การใช้หัวข้อรอง และรูปแบบการเขียนโดยรวม ให้มีความสมดุลและสมเหตุสมผล
- ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ความชัดเจน วิธีการเล่าเรื่องให้น่าสนใจ
- ตรวจสอบดูว่าสไตล์การเขียนของเรานั้นว่าสอดคล้องกับประเภทของงานเขียนหรือไม่
- โดยเราอาจจะเริ่มต้นการเขียนเพื่อรับคำติชมจากช่องทางเหล่านี้
- ลองเขียนบทความในหัวข้อที่สนใจและลองให้เพื่อนหรือคนรอบข้างประเมินคุณภาพและให้คำติชม
- ทดลองเขียนบนแพลตฟอร์มออนไลน์หรือเว็บไซต์สำหรับการเขียน เพื่อรับคำติชมจากบุคคลทั่วไป
- ซึ่งหากเราประเมิณการเขียนของเราแล้ว ก็จะเริ่มรู้แล้วว่าทักษะของเรานั้นอยู่ระดับเลเวลไหน ซึ่งสามารถแบ่งเลเวลการเขียนใหญ่ๆ ได้ดังนี้
- ระดับเริ่มต้น (Beginner) : มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเขียนและการใช้ภาษา หลักไวยาการณ์ แต่ยังต้องพัฒนาทักษะในการจัดโครงสร้างบทความและการหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การเล่าเรื่องให้สนุก
- ระดับกลาง (Intermediate) : สามารถเขียนได้อย่างชัดเจนและมีความเป็นระเบียบ รู้จักการใช้ไวยากรณ์และคำศัพท์ที่หลากหลาย แต่ยังต้องพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการค้นหาข้อมูลที่หลากหลายมานำเสนอ
- ระดับสูง (Advanced) : มีความชำนาญในการเขียนบทความที่น่าสนใจและมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถใช้ภาษาและไวยากรณ์ได้อย่างถูกต้องและมีความสามารถในการวิจัยข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและการวิเคราะห์ข้อมูลที่ดี
- ระดับมืออาชีพ (Professional) : สามารถเขียนบทความที่มีคุณภาพสูงและน่าสนใจ มีความชำนาญในการสื่อสารและการเล่าเรื่อง สามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีทักษะในการวิจัยข้อมูลในงานเขียนและการนำเสนอข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
ระดับสกิลนักเขียนบทความ
เลือกประเภทบทความที่ใช่สำหรับคุณ
เมื่อเข้าสู่วงการนักเขียนแล้ว การเลือกประเภทบทความก็เหมือนการเลือกสายงานที่เราถนัด ยิ่งเรามีความชื่นชอบในเนื้อหาของสิ่งที่เราเขียนเราก็จะสามารถเขียนได้ลึก เล่าเรื่องได้สนุก ถูกต้อง น่าสนใจ ซึ่งประเภทของบทความนั้นก็มีหลายประเภท ส่วนใหญ่แล้วก็มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรานั่นเอง ว่าเราชอบทำอะไร สนใจในสิ่งไหนเป็นพิเศษ
อะไรคือหัวข้อที่คุณมีความรู้ความสนใจ?
- ก่อนที่นักเขียนจะเลือกประเภทบทความที่ตัวเองถนัด เราต้องรู้ก่อนว่าตัวเองมีความถนัดหรือมีความรู้ในเรื่องใดเป็นพิเศษ
- หนังสือ บทความ หรือบล็อกในหัวข้อใดที่ชอบอ่าน?
- หัวข้อใดที่สามารถเขียนหรือพูดถึงได้เป็นเวลานานโดยไม่เบื่อ?
- เราสามารถให้คำปรึกษาด้านข้อมูลหรือแนวทางในสาขาใดได้?
- ตัวอย่างหัวข้อที่น่าสนใจและได้รับความนิยมในปัจจุบัน ปี 2024 โดยอ้างอิงจาก Google Trend เกี่ยวกับหัวข้อบทความที่ถูกค้นหามากที่สุด
- เทคโนโลยี
- AI : บทความเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ AI ในด้านต่างๆ เช่น การแพทย์ การเงิน การขนส่ง และการศึกษา
- เทคโนโลยีบล็อกเชน: บทความเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้บล็อกเชน เช่น คริปโตเคอร์เรนซี สัญญาอัจฉริยะ และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
- เมตาเวิร์ส: บทความเกี่ยวกับเมตาเวิร์ส เทคโนโลยีเสมือนจริง และประสบการณ์เสมือนจริง VR/AR
- 5G: บทความเกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G ประโยชน์ และการใช้งาน
- ธุรกิจและการตลาด
- การตลาดดิจิทัล: บทความเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เทคนิคการตลาดออนไลน์ การขายของออนไลน์และเครื่องมือการตลาดยุคดิจิทัล
- อีคอมเมิร์ซ: บทความเกี่ยวกับแพลตฟอร์มการขายสินค้าออนไลน์ การตลาดออนไลน์ การจัดการร้านค้าออนไลน์
- สตาร์ทอัพ: บทความเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจ การระดมทุน การเติบโตของธุรกิจ แนวทางการดำเนินธุรกิจ
- รีโมทเวิร์ค : บทความเกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย กลยุทธ์การทำงานจากระยะไกล เทรนด์ของการทำงานแบบ Remote
- การเงิน
- การลงทุน: บทความเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุน ประเภทของการลงทุน และเครื่องมือการลงทุนต่างๆ
- การเงิน: บทความเกี่ยวกับการวางแผนการเงิน การเก็บออม การจัดการหนี้สิน
- เศรษฐกิจ: บทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย นโยบายเศรษฐกิจ แนวโน้มและผลกระทบ
- สุขภาพ
- สุขภาพร่างกาย: บทความเกี่ยวกับการกินอาหาร การพักผ่อน การออกกำลังกาย การนอนหลับ
- สุขภาพจิต: บทความเกี่ยวกับความเครียด ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล การจัดการความรู้สึก อารมณ์
- โรคภัยไข้เจ็บ: บทความเกี่ยวกับการแพทย์ โรคต่างๆ สาเหตุ อาการและการรักษา
- ไลฟ์สไตล์
- การท่องเที่ยว: บทความเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พัก โรงแรม กิจกรรมระหว่างการท่องเที่ยวและเคล็ดลับการท่องเที่ยวต่างๆ
- อาหาร: บทความเกี่ยวกับสูตรอาหาร ร้านอาหารไทยและต่างประเทศ วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับอาหาร
- แฟชั่น: บทความเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่น การแต่งกาย แบรนด์แฟชั่น
- กีฬา : บทความวิเคราะห์การแข่งขันก่อนและหลัง ประวัตินักกีฬา บทความเกี่ยวกับสโมสร
- ความสัมพันธ์: บทความเกี่ยวกับความรัก การแต่งงาน ครอบครัว เพื่อนฝูง
- การศึกษา
- เทรนด์การศึกษา: บทความเกี่ยวกับเทรนด์การศึกษาใหม่ ๆ เช่น การเรียนรู้แบบผสมผสาน การเรียนรู้แบบออนไลน์
- เทคโนโลยีการศึกษา: บทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ใช้ในด้านการศึกษา เช่น ซอฟต์แวร์การศึกษา แอปพลิเคชันการเรียนรู้
ตัวอย่างหัวข้อบทความที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
กลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร?
- การที่นักเขียนรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายใด ที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้อ่านหลักๆ ของบทความของเรา จะช่วยให้นักเขียน
- เขียนเนื้อหาที่ตรงประเด็นและตรงกับความสนใจของผู้อ่าน
- ดึงดูดผู้อ่านที่ใช่ และเพิ่มโอกาสที่คนอ่านจะคลิกอ่าน แชร์ และติดตามการเขียนของเรา
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อ่าน และทำให้พวกเขากลับมาอ่านอีกครั้ง
- การรับรู้ถึงกลุ่มเป้าหมายนั้นมีความสอดคล้องไปกับประเภทบทความที่เรากำลังเขียนด้วย เพราะความสนใจในเรื่อง ต่างๆ โดยทั่วไปมักจะแบ่งไปตาม เพศ อายุ การงาน นิสัยส่วนตัว
- ตัวอย่างกลุ่มเป้าหมายสำหรับหัวข้อบทความต่างๆ
- บทความเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองและการบริหารเวลา
กลุ่มเป้าหมาย: วัยทำงาน, อายุ 25-40 ปี, ทำงานในออฟฟิศหรือเป็นผู้ประกอบการ, มีความสนใจในการพัฒนาตนเองและการจัดการเวลา
- บทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการผจญภัย
กลุ่มเป้าหมาย: นักเดินทาง, อายุ 25-45 ปี, ชายและหญิง, มีความสนใจในการท่องเที่ยวและการผจญภัย
การทำงานเป็นฟรีแลนซ์เขียนบทความ
กิจวัตรประจำวันและการทำงาน
- กิจวัตรประจำวันของฟรีแลนซ์เขียนบทความก็ไม่ได้แตกต่างจากฟรีแลนซ์ในสายงานอื่นๆ มากเท่าไหร่นัก และไม่สามารถกำหนดเวลาตายตัวในการทำงาน/เลิกงานได้ เพราะนี่คือหัวใจของฟรีแลนซ์!
- การทำงานแบบภาพรวมของการเป็นฟรีแลนซ์ก็คือ
- การวางแผนงาน จัดทำตารางการทำงานสำหรับแต่ละวัน มีวินัยทำตามการวางแผนที่เราตั้งไว้
- กำหนดเป้าหมายการเขียน เช่น จำนวนคำหรือจำนวนบทความที่ต้องเขียน ในแต่ละวัน
- ค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่เราจะเขียนจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เพื่อเป็นไอเดียที่จะใช้ในบทความ
- เมื่อเขียนบทความหรือทำงานตามที่กำหนดแล้ว ก็ตรวจสอบความถูกต้อง แก้ไขข้อผิดพลาดในการใช้ภาษา, ไวยากรณ์, และการจัดเรียงเนื้อหา
- หลังจากมีผลงานการเขียนมากขึ้น ก็วิเคราะห์ผลงานที่ผ่านมาว่าอะไรที่ทำได้ดีและควรปรับปรุง เพื่อพัฒนาฝีมือต่อไป
เทคนิคการเขียนบทความที่น่าสนใจ
นักเขียนแต่ละคนก็มีแนวทางในการเขียนที่แตกต่างเปรียบเสมือนสกิลและสไตล์ที่ใช้ในการเล่าเรื่องที่แต่ละคนนั้นมีไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ต้องมีเหมือนกันก็คือเทคนิคที่ใช้เขียนบทความเพื่อให้บทความดูน่าสนใจ และเทคนิคส่วนมากก็ประกอบไปด้วย
- หัวข้อที่น่าสนใจ : เริ่มต้นหัวข้อด้วยกับการใช้คำที่มีพลังและดึงดูดใจเพื่อให้ผู้อ่านอยากติดตามต่อ
- การตั้งคำถามหรือประโยคที่ท้าทาย กระตุ้นความคิดและดึงดูดความสนใจ
- โครงสร้างที่ชัดเจน : กำหนดหัวข้อย่อย (H2, H3, H4) แบ่งเนื้อหาเป็นหัวข้อย่อยที่ชัดเจนและเรียงลำดับอย่างเป็นระบบ สร้างบทความแบบลิสต์เพื่อให้ผู้อ่านเข้าถึงง่าย
- ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและกระชับ : ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและหลีกเลี่ยงคำที่ซับซ้อนเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย
- ความคิดสร้างสรรค์ : เล่าเรื่องให้สนุก สร้างสรรค์ ใช้การเปรียบเทียบให้น่าสนใจ
- เน้นประโยชน์ของผู้อ่าน : เน้นประโยชน์ที่ผู้อ่านจะได้รับหรือวิธีการที่นำไปใช้ได้จริง อาจจะให้คำแนะนำหรือเคล็ดลับที่เหมาะสม
- การแนะนำหรือให้ข้อมูลความรู้ ควรจะอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับบทความ
- ใช้ภาพและสื่อประกอบ : ใช้ภาพประกอบเพื่อเพิ่มความน่าสนใจและทำให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเทคนิคพื้นฐานที่บทความบทความหนึ่งจะต้องมี ซึ่งนักเขียนก็สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมเทคนิคที่แต่ละคนมองว่าควรจะมีในเนื้อหาตามสะดวก
การตรวจสอบและแก้ไขบทความ
การเป็นนักเขียนแม้ว่าจะมีสกิลการเขียนในระดับมืออาชีพแค่ไหนก็ตาม หลังจากเขียนบทความแล้วก็ต้องมีการตรวจทาน ตรวจสอบและแก้ไขสิ่งที่ผิด ทั้งเรื่องของ ไวยาการณ์ ข้อมูลในบทความ การจัดเรียงหน้ากระดาษ เพื่อให้บทความมีคุณภาพสูงสุด
- หากบทความมีจำนวนคำและตัวอักษรที่เยอะมากๆ บางทีการใช้ตัวช่วยก็อาจจะย่นระยะเวลาสำหรับนักเขียนไปได้มาก
- ตัวช่วยสำหรับนักเขียนที่ควรใช้ในการตรวจสอบ
- Grammarly : ตรวจสอบไวยากรณ์ การสะกดคำ และการใช้ภาษา
- Hemingway Editor : ช่วยปรับปรุงความชัดเจนและความกระชับของบทความ
- Grammarly Plagiarism Checker : ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของเนื้อหาโดยการเปรียบเทียบกับแหล่งข้อมูลออนไลน์
- Yoast SEO : ช่วยปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสมกับการค้นหาของเสิร์ชเอนจิน (SEO)
การทำ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นบทความ
- เพื่อให้บทความของเราได้รับการเข้าถึงและมีโอกาสติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของผลการค้นหาจากเคื่องมือเสิร์ชเอนจิ้นทั้งหลาย การทำ SEO (Search Engine Optimization) จึงเป็นขั้นตอนที่จพเป็นสำหรับการเขียนบทความ
- เทคนิคการทำ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นบทความ มีดังนี้
- คีย์เวิร์ด (Keyword Research) : ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อบทความและมีปริมาณการค้นหา (Search Volume) ในระดับหนึ่ง
- ใส่คีย์เวิร์ดในแต่ละส่วนของบทความ : ใส่คีย์เวิร์ดหลักในหัวข้อบทความ (H1) , บทนำของบทความ , ในหัวข้อย่อย (H2, H3, H4) และกระจายในเนื้อหาอย่างเหมาะสม
- เนื้อหาดีมีคุณภาพ : เนื้อหาควรมีข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน อัปเดตเนื้อหาเพื่อสอดคล้องกับข้อมูลล่าสุด
- การใช้ลิงก์ (Links) : ใช้ลิงก์ภายในเชื่อมโยงบทความภายในเว็บไซต์ของเราและใช้ลิงก์ภายนอกเพื่อเชื่อมโยงไปยังแหล่งข้อมูลภายนอกที่น่าเชื่อถือ
- ใช้ภาพและสื่อประกอบ : ใช้ภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาและมีคุณภาพสูง
- ใช้ URL ที่เหมาะสม : ใช้ URL ที่สั้น กระชับ และมีคีย์เวิร์ดแฝงไปใน URL
- ใช้ Social Media กระตุ้น : ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทบทความและเพิ่มการเข้าถึง
เทคนิคการทำ SEO ให้บทความ
ฝึกฝนการเขียนอย่างสม่ำเสมอ
- การเป็นนักเขียนคือหนึ่งอาชีพที่ต้องพัฒนาฝีมืออย่างสม่ำเสมอ พัฒนาไอเดียในการเล่าเรื่อง เพื่อให้ได้บทความที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
- ดังนั้นการทำงานเป็นฟรีแลนซ์นักเขียน เราก็ต้องหาเวลาเขียนในทุกๆ วันแม้บางวันจะยังไม่มีงานก็ตาม เพื่อให้เรามีสกิลที่ชำนาญในการสร้างบทความมากยิ่งขึ้น
- ลองเขียนบทความในรูปแบบต่างๆ หรือเขียนบทความประเภทที่เรายังไม่ถนัด ลองหาข้อมูลลองฝึกเล่าเรื่องใหม่ๆ เพราะมันจะเป็นประโยชน์แก่นักเขียนในการมีทางเลือกเพื่อเขียนบทความได้หลายประเภท
- การฝึกฝนพัฒนาในที่นี้ไม่ได้เจาะจงเฉพาะการเขียนเท่านั้น แต่รวมไปถึง การค้นหาคีย์เวิร์ด การค้นหาข้อมูลที่ถูกต้อง ก็ต้องได้รับการฝึกฝนเช่นกัน
พัฒนาทักษะการหาข้อมูล
- เพื่อให้ได้บทความที่มีคุณภาพสูงและเกิดประโยชน์แก่ผู้อ่าน และจะเกิดการแชร์ การเข้าถึงได้อย่างมากมาย บทความนั้นต้องมีการหาข้อมูลที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ ข้อมูลอัพเดททันสมัย
- การพัฒนาทักษะการหาข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเขียนบทความทั้งแบบงานประจำและฟรีแลนซ์
- แหล่งข้อมูลที่ควรใช้ในการอ้างอิงเพื่อเขียนบทความนั้น ก็ต้องเป็นเว็บไซต์หรือข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ถ้าจะดีที่สุดก็มีการรับรองจากสถาบันที่มีชื่อเสียง
- หาข้อมูลหลายๆ แหล่ง และนำมาวิเคราะห์ร่วมกัน หยิบข้อมูลจากเว็บนี้มาผสมกับเว็บนี้เพื่อให้เกิดการเล่าเรื่องใหม่ๆ และยังมีข้อมูลที่ถูกต้อง
รายได้ของฟรีแลนซ์เขียนบทความ
- รายได้ของฟรีแลนซ์เขียนบทความนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- ความยาวของบทความ
- ความเชี่ยวชาญของนักเขียน
- ประเภทของบทความ
- ข้อตกลงระหว่างนายจ้างและนักเขียน
- ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ : นักเขียนที่ยังเลเวลน้อยหรือเป็นมือใหม่ อาจจะยังไม่ชำนาญในการเขียนบทความมากนัก รายได้ก็แตกต่างกับนักเขียนที่เป็นมืออาชีพ
- ประเภทของบทความ : บทความที่เป็นความรู้ทั่วไปก็จะมีเรทราคาที่ต่ำกว่าบทความที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางยิ่งถ้าบวกกับบทความที่มี SEO อาจมีรายได้เพิ่มขึ้น
- ความยาวของบทความ : แน่นอนว่าบทความสั้นๆ (ไม่เกิน 800 คำ) ก็จะได้ค่าจ้างน้อยกว่าบทความที่มีความยาว 1,500-2,500 คำ หรือมากกว่านั้น
- ดังนั้นรายได้ของฟรีแลนซ์เขียนไม่สามารถตีค่าออกมาแบบชัดเจนได้ แต่ถ้าหากเราสามารถทำตามเงื่อนไขที่เพิ่มราคาให้บทความ เช่น บทความความรู้เฉพาะทาง + ทำSEO + ความยาว 2,000 คำ รายได้ก็ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว
แหล่งหางานสำหรับฟรีแลนซ์เขียนบทความ
เว็บไซต์หางานฟรีแลนซ์
- แหล่งหางานสำหรับฟรีแลนซ์เขียนบทความโดยหลักๆ แล้วก็จะหางานจากเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่รองรับสำหรับการจ้างฟรีแลนซ์โดยเฉพาะ
- ซึ่งแต่ละเว็บไซต์นั้นก็มีการว่าจ้างฟรีแลนซ์ในหลายๆ ประเภท หนึ่งในนั้นก็คือฟรีแลนซ์เขียนบทความ ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย
- ตัวอย่างเว็บไซต์สำหรับหางานฟรีแลนซ์
- Freelancer : แพลตฟอร์มสากลระดับโลกที่รวมงานฟรีแลนซ์หลากหลายประเภท รวมถึงงานเขียนบทความ
- Fastwork : แหล่งรวมผู้จ้างและฟรีแลนซ์หลากหลายประเภท สำหรับคนไทย
- Thaifreelanceagency : แพลตฟอร์มสำหรับฟรีแลนซ์ในประเทศไทยที่มุ่งเน้นการเชื่อมต่อระหว่างฟรีแลนซ์และลูกค้า
การใช้งาน LinkedIn และโซเชียลมีเดีย
- LinkedIn เป็นหนึ่งเว็บไซต์ที่ฟรีแลนซ์นิยมหางานกัน ซึ่งโปรไฟล์ของ LinkedIn ของแต่ละคนจะระบุไปด้วย
- ประสบการณ์การทำงาน
- ทักษะที่เกี่ยวข้อง
- ใบรับรองหรือการศึกษาหรือใบ Certifications
- และ LinkedIn ก็สามารถเขียนบทความและสร้างเนื้อหาเพื่อเป็นตัวอย่างหรืออาจจะเป็นการถ่ายทอดงานจริงสู่สาธารณะเพื่อให้ผู้คนที่ใช้งานได้เข้าถึงบทความ
- กลุ่ม Facebook ที่เกี่ยวข้องกับการเขียนบทความและฟรีแลนซ์ ซึ่งในกลุ่มจะรวมนักเขียนมากมายและนายจ้างที่ต้องการนักเขียนประเภทต่างๆ โดยเราสามารถโพสต์หางานหรือผลงานได้
- Twitter หรือ X ในปัจจุบัน นักเขียนสามารถใช้ #แฮชแท็ก ในการเพิ่มการเข้าถึงผลงานของเราสู่สาธารณะ เพิ่มการมองเห็นและสามารถติดตามนักเขียนดังๆ เพื่อพัฒนาฝีมือได้
- Medium เว็บไซต์สำหรับการสร้างบทความในหลายๆ ประเภท ในเมืองไทยอาจจะยังไม่นิยมเท่าที่ควรแต่นักเขียนสามารถโพสต์ผลงานลงใน Medium ได้และสร้างโปรไฟล์ที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญ
สรุป
หากคุณต้องการที่จะเป็นฟรีแลนซ์นักเขียนบทความแล้วล่ะก็ อันดับแรกต้องรู้ตัวเองว่าเรารักการเขียน รักการเล่าเรื่องไหม?จากนั้นก็ลองประเมินฝีมือของเราว่าสามารถสร้างบทความเพื่อเป็นรายได้หรือไม่? และนักเขียนบทความก็ต้องหมั่นฝึกฝนพัฒนาฝีมือในทุกๆ ด้านที่เกี่ยวข้องกับการทำให้บทความมีคุณภาพมากขึ้นเพื่อประโยชน์ในการสร้างรายได้และทางเลือกที่มีมากกว่า จากนั้นลองหาแหล่งจ้งงานเขียนบทความจากแหล่งต่างๆ เพื่อลงสนามจริงในการเขียนบทความ
โดยภาพรวมแล้วดูเหมือนจะมีขั้นตอนที่เยอะและยุ่งยากแต่ถ้าหากเรามีใจรักในการเป็นนักเขียนแล้ว ขั้นตอนที่ยุ่งยากเหล่านี้จะเป็นบันไดที่พาเราสู่ความสำเร็จในหนทางการเป็นนักเขียนของเราแน่นอน